“ผมไม่ทราบเหมือนกัน ก็ชื่อพรรคประชาสันติ ท่านปุระชัยก็เป็นคนตั้งชื่อเอง และเป็นคนบอกให้ผมไปจัดแจงแถลงข่าวว่าจะมีการเปิดตัวกันในวันที่ 2 เมษายน แต่เมื่อเป็นอย่างนี้ก็มึนเลย ซึ่งได้สอบถามไปก็ได้รับคำตอบว่า พอเปิดตัวพรรคประชาสันติก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์เยอะว่าโยงกับคุณทักษิณ ชินวัตร เพราะมีคุณพันธ์เลิศ ใบหยก มาร่วมด้วย และยังถูกวิจารณ์ว่าเชื่อมโยงกับพรรคภูมิใจไทย ที่มี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชาย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ชาย ซึ่งมีความสนิทสนมกับแกนนำกลุ่มภูมิใจไทย” นายเสรีกล่าว
รักษาการหัวหน้าพรรคประชาสันติกล่าวด้วยว่า หากจะอ้างว่าการอยู่พรรคประชาสันติมีความเชื่อมโยงกับพรรคโน้นพรรคนี้ แล้วการที่ไปตั้งพรรครักษ์สันติใหม่ ทั้ง 2 คนที่ถูกมองว่ามีความเชื่อมโยงกับทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ และนายเนวิน ก็ย้ายตามไปอยู่กับ ร.ต.อ.ปุระชัย ที่พรรครักษ์สันติ อยู่ดี ดังนั้นพรรครักษ์สันติก็ต้องถูกวิจารณ์อีกอยู่ดี
นายเสรีกล่าวด้วยว่า ความจริงการแยกออกไปเช่นนี้ของ ร.ต.อ.ปุระชัยไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกันเลย มีเพียงเหตุผลอย่างที่บอกไปเท่านั้น สำหรับตนคงไม่ไปอยู่กับพรรครักษ์สันติ เพราะรู้สึกว่าตัวเองรับไม่ได้กับการเมืองที่กลับไปกลับมาเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม ในการเปิดตัวพรรครักษ์สันตินั้น พันธ์เลิศ ใบหยก อดีต สมาชิกพรรคไทยรักไทย และพล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ อดีตผบ.ตร.เพื่อนร่วมรุ่นของร.ต.อ.ปุระชัย ได้เดินทางไปยังสถานที่เปิดตัวด้วย และมอบดอกไม้ให้กำลังใจ ร.ต.อ.ปุระชัย ด้วย
ขณะเดียวกัน สื่อในเครือผู้จัดการ ได้นำเสนอบทวิเคราะห์ ระบุว่า …
เบื้องหลังการดีดตัวออกห่าง ประชาสันติ ของปุระชัยและพลพรรคก๊วน นรต.รุ่น 25 ทั้ง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผบ.ตร.-พล.ต.ท.ถวิล สุรเชษฐ์พงษ์ อดีตผบช.ภ.7 -พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพาณิชย์ อดีตผช.ผบ.ตร. ก็ไม่มีอะไรมาก สืบเสาะหาข่าวมาแล้ว
พบว่า ปุระชัยกับเพื่อนร่วมก๊วน รวมถึง เสี่ยพันธ์เลิศ ใบหยก ถุงเงินของพรรค ถกกันแล้วประเมินว่าพรรคสันติประชาไม่น่าจะไปได้สวย เพราะแค่เปิดชื่อประชาสันติ ก็ถูกวิจารณ์หนักเจอสารพัดข้อกล่าวหา ถือว่าเป็นชื่อไม่ดีแล้วแบบนี้เปลี่ยนใหม่
เพราะการเปิดชื่อประชาสันติออกมา ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นพรรคนอมินีให้พวกภูมิใจไทย-ชาติไทยพัฒนาที่ส่งลงมาเจาะพื้นที่กรุงเทพมหานคร, เป็นพรรคอะหลั่ยของสายทหาร กลุ่มบูรพาพยัคฆ์ โดยมี พลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณ อยู่เบื้องหลังเพื่อหวังให้เป็นสันติประชาเป็นพรรคสำรองและเป็นฐานอำนาจให้กับ “บิ๊กป้อม” ที่จะได้ดุลอำนาจต่อรองมากขึ้นในเกมการเมืองหลังเลือกตั้งครั้งใหม่
บทวิเคราะห์ที่ชัดๆ มีน้ำหนักความเป็นไปได้มาก และน่าสนใจก็คือ ปุระชัยกำลังสร้างโอกาสเพื่อจะได้เป็น “นายกฯส้มหล่น” หากเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลแล้วหาคนเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้ ทักษิณ ชินวัตร ก็จะเอาปุระชัยมาเป็นนายกฯ แต่เรื่องนี้ปุระชัยปฏิเสธว่า ตั้งแต่เดินออกจากไทยรักไทยปี 48 ไม่เคยยกหูโทรศัพท์ไม่เคยคุยกับทักษิณเลยสักคำและไม่เคยเรียกทักษิณว่าเพื่อน
เหล่านี้เป็นบททดสอบหนักๆ เจอแบบนี้ ปุระชัยก็ต้องทบทวนคิดหาบ้านใหม่ ไม่โอเค.กับพรรคประชาสันติ ที่หวังเอาปุระชัยมาเสนอเป็นจุดขาย หาเสียงกับคนกลุ่มที่ไม่เอาเพื่อไทย-เกลียดประชาธิปัตย์
เลยมีปรากฏการณ์หักเหลี่ยมโหดกับเพื่อนเสรี หนีมาตั้งพรรคของตัวเอง สร้างจุดขายให้คนรับรู้กันทั่วไปว่า ตั้งมากับมือ ไม่ได้ไปเซ้งพรรคใครมาหาหัวเสียบ เพียงให้ทันการเลือกตั้ง
ปุระชัยขึ้นป้ายขายปุระชัย โดยไม่เนียมอาย เจาะช่องตลาดการเมืองที่เป็นผู้นำทางเลือก รวมทั้งชื่อรักษ์สันติ ก็ฟังดูเข้าท่าดี ความหมายเข้าใจง่าย สื่อได้ตรง ทุกอย่างก็เลย โอเค เรียบร้อยโรงเรียนดร.ปุ…
การประกาศตัวต่อสาธารณะด้วยความภาคภูมิใจ และมีวาทกรรมที่สวยหรูกินใจผ่านไปแล้ว แต่เบื้องหลังกลับ มีศพของเสรี สุวรรณภานนท์สังเวยให้ปุระชัยเหยียบไปบนถนนการเมืองสายใหม่นี้เป็นศพแรก
อันเป็นภาพแรกที่ขัดแย้งอย่างยิ่ง กับแนวทางพรรครักษ์สันติ ที่ปุระชัยประกาศจุดยืนเข้ามาทำงานการเมืองเพื่อสร้างสันติ นำสังคมกลับสู่การปรองดอง และมีภราดรภาพ แต่พรรคนี้กลับเริ่มด้วยการหักเหลี่ยมเฉือนคมตั้งแต่ก้าวแรก ขนาดที่ต้องสลัดเพื่อนทิ้งโดยไม่แยแสก็ทำได้ ทำให้กลุ่มผู้ร่วมก่อตั้งที่ถูกปุระชัยทิ้งต้องกลืนเลือด เพราะนึกไม่ถึงว่าปุระชัยจะโหดได้ขนาดนี้
ทั้งๆที่สุมหัวคุยกันมาตั้งนาน ซึ่งปุระชัยก็ร่วมคิดและวางแผนสร้างพรรคประชาสันติมาโดยตลอด ชื่อสันติประชาก็เป็นชื่อที่ปุระชัยคิดเอง แต่เมื่อคิดจะไม่เอาแล้วปุระชัยก็ยกก๊วนไปโดยไม่มีรักษาสันติกับเพื่อน
จึงสะท้อนว่า ปุระชัย จะยึดถือแนวทางสันติและการปรองดองได้อย่างไร เพราะเริ่มต้นตั้งพรรคก็เหยียบศพเพื่อนขึ้นมาแล้ว หาใช่เป็นไปตามแนวทางสันติวิธีไม่
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1258 ครั้ง