ทธ.สั่ง4จังหวัดเฝ้าระวังดินถล่ม หลังตรวจพบดินแยก ด้านสาทิตย์ยืนยันรัฐบาลจ่ายเงินเยียวยาน้ำท่วมทั่วถึงรับพบการทุจริตก่อนจริง ด้านสุเทพแจงเงินช้าเพราะตัวเลขเกินเชิญชวนบริจาคเงิน-วัสดุก่อสร้างช่วยผู้ประสบภัย
นายอดิชาติ สุรินทร์ ผู้ตรวจราชการกรมทรัพยากรธรณี กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์ดินโคลนถล่มเมื่อคืนที่ผ่านมา ที่มีการเฝ้าระวังใน จ.นครศรีธรรมราช และภูเก็ต พบว่า ปริมาณฝนตกตลอดทั้งคืนไม่เกิน 40 มิลลิเมตร จึงไม่จำเป็นต้องประกาศเตือนภัย
ขณะนี้ เครือข่ายรายงานว่า มีรอยแยกและดินสไลด์ เสี่ยงเกิดดินถล่ม 11 จุด จึงต้องเฝ้าระวังต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่ อ.นบพิตำ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช และ อ.วิภาวดี อ.คีรีรัตน์นิคม จ.สุราษฎร์ธานี เนื่องจากดินยังไม่แห้ง หากมีฝนตกลงมาอาจทำให้เกิดดินถล่มได้
กรมทรัพยากรธรณี ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหาย ในโครงการลดธรณีพิบัติภัยดินถล่ม ในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ กระบี่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ชุมพร ตรัง และระนอง เพื่อปรับปรุงทางน้ำ รวมทั้งให้ความรู้และคำแนะนำกับประชาชน ให้ออกจากพื้นที่ และงดใช้ประโยชน์จากพื้นที่เฝ้าระวัง ใช้งบประมาณกว่า 1.5 ล้านบาท คาดว่าแล้วเสร็จกลางเดือนมิถุนายน
สำหรับทางน้ำธรรมชาติ ที่ได้รับผลกระทบจากดินไหลและน้ำหลาก กรมทรัพยากรธรณีจะไม่ย้ายทางน้ำ ขณะที่กรมทรัพยากรน้ำ เตรียมลงพื้นที่สำรวจเตรียมพร้อมขุดลอก ปรับปรุงทางน้ำ สัปดาห์หน้าทราบว่าจะมีพื้นที่ใดบ้าง
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันว่าได้จ่ายเงินเยียวอุทกภัยพื้นที่ภาคใต้ จำนวน 5,000 บาท สำหรับผู้เดือดร้อนกว่า 28,000 ราย ในน้ำท่วมครั้งก่อน ครบแล้ว ส่วนรายชื่อที่เพิ่มขึ้นมาอีกกว่า 70,000 รายชื่อนั้น พบว่า มีการทุจริต เนื่องจากบางตำบลมีรายชื่อมากกว่าทะเบียนบ้าน ซึ่งรัฐบาลจ่ายไม่ได้เพราะเป็นภาษีประชาชน ต้องมีหลักฐานครบถ้วน จึงต้องตรวจสอบภาพถ่ายดาวเทียม โดยมีตัวแทนของ ศตง. และ ปภ.ลงตรวจสอบข้อมูลทั้งหมด ไม่เฉพาะพื้นที่ภาคใต้ อย่างไรก็ตามหากพบว่ามีการทุจริต ก็จะแจ้งความเอาผิดด้วย
สาทิตย์ วงศ์หนองเตย
สำหรับ กรณีกำนันยงยุทธ์ แก้วเขียว นายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านแห่งประเทศไทย ที่อ้างว่า ประชาชนใน จ.นครศรีธรรมราช ได้รับเงินเยียวยาไม่ครบ และจะมีการรวมตัวมาเรียกร้อง จากการตรวจสอบ ตำบลของกำนันคนดังกล่าวนั้น ลงชื่อเกือบทั้งตำบล แต่น้ำท่วมเพียงแค่ 5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ซึ่งยืนยันว่า รัฐบาลทำตามหลักการ หากจะมีการรวมตัวกันสามารถทำได้ แต่ต้องยืนยันว่า เป็นผู้เสียหายจริง หากไม่เสียหายต้องรับผิดชอบ ส่วนจะเป็นขบวนการหรือไม่นั้น ไม่อยากคิดไปไกลขนาดนั้น เพราะเกิดความเสียหาย เป็นเงินภาษีของคนทั้งประเทศ บางส่วนมีการตรวจสอบ ขณะพบว่า บางรายส่งชื่อไปยัง ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบแล้ว
ด้าน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า ตนเองไม่ได้ดูแลเรื่องนี้โดยตรง แต่ก็เชื่อว่าในขณะนี้การจ่ายเงินต้องขึ้นอยู่กับข้อมูล อีกทั้งยังพบว่ามีตัวเลขของผู้ประสบภัยบางจังหวัด ที่เกินกว่าความจริง ทำให้การดำเนินการล้าช้า
“บางจังหวัดอาจจะยังส่งข้อมูลมาไม่ครบถ้วน หรืออาจจะอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลของนายอำเภอ หรือผู้ว่าราชการจังหวัด ยืนยัน การที่นายสาทิตย์ ซึ่งดูแลหน่วยงานที่รับผิดชอบการจ่ายเงินไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด แต่ต้องขึ้นอยู่กับการรวบรวมข้อมูลและตัวเลขต่างๆ จากทางจังหวัด” นายสุเทพ กล่าว
นอกจากนี้ นายสุเทพ ยังเชิญชวนให้ประชาชนให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในภาคใต้ โดยมอบเป็นวัสดุก่อสร้างหรือจะมอบเป็นเงินเพื่อนำไปมอบให้ทหารช่างและทางจังหวัด เพื่อนำไปสร้างบ้านให้กับประชาชน
สำหรับการตรวจสอบความเสียหาย พบว่า จ.นครศรีธรรมราชมีความเสียหายมากที่สุด ประมาณ 200 หลัง จ.กระบี่ ประมาณ 145 หลัง และ จ.สุราษฎร์ธานี ประมาณ 100 หลัง ซึ่งในส่วนของแบบบ้าน ได้มาจากบริษัท ปูนซีเมนต์ ได้ทำการออกแบบไว้ คิดเป็นมูลค่าหลังละประมาณ 2.4 แสนบาท
ทั้งนี้ ผู้มีจิตศรัทธา สามารถมอบเงินหรือวัสุดก่อสร้างไปที่กองบัญชาการกองทัพบก ที่นายสาทิตย์ วหรือตนเองได้โดยตรง ซึ่งจะพยายามก่อสร้างให้เสร็จภายใน 3 เดือน
ขณะเดียวกัน ชาวบ้านจากหลายอำเภอ จังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวนกว่า 500 คน เดินทางมาชุมนุมประท้วงบริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมเขียนป้ายข้อความว่า “เงิน5พันบาทของชาวบ้าน ต.ปากนคร อยู่ไหนขอให้นายกฯช่วยด้วย”
นอกจากนี้ยังมีการตั้งเวทีปราศรัยโจมตีนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการกำกับติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (คชอ.) เรื่องเงินน้ำท่วมเมื่อพ.ย.2553
ทั้งนี้กลุ่มชาวบ้านที่เดินทางมาชุมนุมประท้วงในครั้งนี้มี ส.ท.พงศ์พัศ อินทนพ เป็นแกนนำ กล่าวปราศัยบนเวทีปราศัยว่าการเดินทางมาชุมนุมประท้วงในครั้งนี้เพื่อต้องการมาทวงถามผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เกี่ยวกับเรื่องของเงินน้ำท่วม5พันบาทตั้งแต่รอบปี2553ว่าทำไมถึงยังมีชาวบ้านอีกจำนวนหนึ่งไม่ได้รับทั้งที่น้ำท่วมเหมือนกัน
ปิดศาลากลางจังหวัดนครศรีฯทวงเงินช่วยน้ำท่วม
ชาวบ้านที่มาร่วมประท้วงยังได้ยื่นหนังสือผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ขอให้ช่วยสอบถามนายสาทิตย์ ให้ด้วยว่าเงินน้ำท่วมนครศรีฯทำไมไม่ถึงชาวบ้านทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ประทว้งชุมนุมอยู่นั้น ปรากฏว่าผู้ว่าฯไม่ได้อยู่ที่ศาลากลาง และมีการประสานจะส่งตัวแทนรับหนังสือจากผู้ประท้วงแต่ผู้ประท้วงไม่ยินยอม ระบุจะส่งหนังสือให้ผู้ว่าฯคนเดียวเท่านั้น และจะปักหลักรอไปจนกว่าผู้ว่าฯจะมา
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1202 ครั้ง