สิ้นเสียงระเบิดเอ็ม 79 ที่ร.1 รอ. คอการเมืองต่างคาดการณ์การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงจากนี้จะส่อแนวโน้มรุนแรงขึ้น
สื่อไทยทุกแขนงนำเสนอข่าวนี้เป็นข่าวใหญ่
หนังสือพิมพ์พาดหัวตัวโตกันทุกฉบับ โทรทัศน์ทุกช่องพร้อมใจรายงานทุกช่วงเวลาข่าว เว็บไซต์ไม่เฉพาะแต่เว็บข่าวแข่งกันออนไลน์ทุกช่วงสถานการณ์สำคัญ เอสเอ็มเอสชิงแจ้งประเด็นร้อน
และยังคงเกาะติดสถานการณ์กันอย่างต่อเนื่อง
ไม่เฉพาะสื่อในประเทศ สื่อต่างประเทศให้ความสำคัญกับข่าวนี้เช่นกัน ทั้งที่เป็นการรายงานตามสถานการณ์และการวิเคราะห์
บีบีซี สำนักข่าวของอังกฤษ นอกจากจะรายงานข่าวสถานการณ์การชุมนุมเป็นข่าวนำในหน้าเว็บไซต์แล้ว ยังส่งผู้สื่อข่าว ราเชล ฮาวีย์ ไปที่จังหวัดอุดรธานี
เพื่อค้นหาคำอธิบายว่าเหตุใด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จึงได้รับความนิยมสูงไม่เสื่อมคลาย หลังจากคนในพื้นที่เลือกตั้งพรรคการเมืองของพ.ต.ท. ทักษิณ มาแล้ว 2 ครั้ง ถึงแม้พ.ต.ท.ทักษิณจะถูกโค่นอำนาจและหนีคดีคอร์รัปชั่นไปอยู่ดูไบ แต่ก็ยังคงเป็นดาราอยู่ในพื้นที่นี้
บีบีซีตั้งชื่อเรื่องว่า “ประเทศเสื้อแดงของทักษิณ” (Thaksin”s “red-shirted” country) พร้อมสัมภาษณ์ชาวบ้านในพื้นที่
รายงานว่าครอบครัวหนึ่งรักและผูกพัน ได้พบพ.ต.ท. ทักษิณ เพราะโครงการสวัสดิ การการแพทย์ที่ช่วยคนจน (30 บาทรักษาทุกโรค) ทำให้หัวหน้าครอบครัวได้รับการรักษาโรคลมชัก
ดังนั้น เมื่อมีการชุมนุมครั้งล่าสุดนี้ สองสามีภรรยาจึงเดินทางเข้ากรุงเทพฯ แม้ว่าสุขภาพจะไม่เอื้ออำนวยนัก
บีบีซีตั้งประเด็นตบท้ายว่า การชุมนุมครั้งนี้จะเป็นบททดสอบว่า กลุ่มชาวบ้านจะเคลื่อนไหวอย่างสันติเพื่อความเปลี่ยนแปลงทางสังคม โดยไม่เป็นเครื่องมือทางการเมืองของบุรุษคนเดียวได้หรือไม่
ด้าน รอยเตอร์ สำนักข่าวยักษ์ใหญ่ของอังกฤษ รายงานในมุมผลกระทบทางเศรษฐกิจว่า ถึงแม้สถานการณ์การเมืองจะตึงเครียดขึ้น แต่กองทุนต่างชาติก็ยังหลั่งไหลเข้ามาในตลาดหลักทรัพย์ของไทย ในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีมูลค่าถึง 812 ล้านดอลลาร์
แสดงให้เห็นว่า นักลงทุนยังมองเห็นประโยชน์จากเศรษฐกิจ โดยมี 3 ปัจจัยหลัก อย่างแรกคือสินทรัพย์ของไทยที่ค้าขายอยู่นั้นบวกลบราคาความเสี่ยงอยู่แล้ว
ปัจจัยต่อมาก็คือ มีแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ พ้นจากช่วงเศรษฐกิจโลกตกต่ำ
และสุดท้ายเชื่อว่า นายอภิสิทธิ์ จะรอดพ้นจากการประท้วงครั้งนี้ไปได้
รอยเตอร์คาดการณ์ด้วยว่า พรรคพันธมิตรของพ.ต.ท. ทักษิณ มีแนวโน้มจะชนะการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งอาจจะมีขึ้นช่วงปลายปีหน้า เพราะฝ่ายพ.ต.ท.ทักษิณชนะการเลือกตั้งมาทุกครั้งนับตั้งแต่ปี 2544
หากกลุ่มทหารและชนชั้นสูงในเมืองคว่ำผลการเลือกตั้ง หรืออาจก่อรัฐประหาร หรือแทรกแซงทางกระบวนการยุติธรรม อาจทำให้เกิดความไม่สงบขึ้น
ดิ อีโคโนมิสต์ นิตยสารธุรกิจที่ทรงอิทธิพลของอังกฤษ ตั้งชื่อรายงานเหมือนชื่อภาพยนตร์ว่า “คริมสัน ไทด์” หรือสายน้ำสีแดง เป็นการบรรยายความเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุมเรือนแสนของกลุ่มเสื้อแดงในกรุงเทพฯ
การชุมนุมครั้งนี้เตรียมการมาก่อนที่ศาลจะตัดสินยึดทรัพย์บางส่วนของพ.ต.ท. ทักษิณ ในวันที่ 26 ก.พ. ด้วยการระดมพลังมวลชนจากภาคเหนือและภาคอีสานที่ พ.ต.ท.ทักษิณยังเป็นฮีโร่
การเคลื่อนขบวนมาอย่างคึกคักของกลุ่มเสื้อแดง อาจมองได้ผิวเผินว่า อาจช่วยลดช่องว่างระหว่างชนบทกับคนเมืองหลวง ซึ่งเป็นสิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณใช้ประโยชน์ในการ สร้างความนิยมในช่วงที่อยู่ในตำแหน่ง
แต่การแบ่งกลุ่มทางสังคมไทยตอนนี้ขยายไปทั้งการแบ่งชนชั้น ภูมิภาค และที่เพิ่มมากขึ้นคืออุดมการณ์ทางการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะหาทางประนีประนอมได้
เดอะ เทเลกราฟ หนังสือพิมพ์แนวคุณภาพของอังกฤษ มองว่า ตอนนี้ไทยเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่ทหารยังคงบทบาทสำคัญในวิถีทางการเมือง ไม่เหมือนอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ ที่อำนาจการบริหารอยู่ในการควบคุมของฝ่ายพลเรือน
ทหารของไทยก่อรัฐประหารโค่น พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ชนะการเลือกตั้งอย่างขาดลอยมา 2 ครั้ง การแทรกแซงครั้งนั้นทำให้ประเทศไทยตกไปอยู่ในวิกฤตการณ์ทางการเมืองที่ยาวนานมาถึงปัจจุบัน
ในช่วง 3 ปีครึ่งที่ผ่านมา มีทั้งเหตุการณ์คนเสื้อเหลืองยึดสนามบินสุวรรณภูมิ การยกเลิกการประชุมสุดยอดอาเซียนที่ถูกกลุ่มเสื้อแดงบุกที่ประชุม
จนมาถึงตอนนี้กลุ่มเสื้อแดงเรียกร้องให้นายกฯ อภิสิทธิ์ยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ แต่นายอภิสิทธิ์ที่ยังไม่เคยทดสอบคะแนนนิยมของตนเอง ยืนยันว่าไม่มีแผนยุบสภา
เทเลกราฟประเมินว่า นายอภิสิทธิ์ พร้อมด้วยกลุ่มรอยัลลิสต์ เหล่าทหารระดับสูง และสมาชิกครอบครัวตระกูลเก่าแก่ทางการเมือง อาจชนะในช่วงระยะสั้นนี้
แต่ความแตกแยกระหว่างกลุ่มคนในไทยยังร้าวลึกต่อไป โดยเฉพาะช่องว่างของคนกลุ่มนี้กับคนต่างจัง หวัดในภาคเหนือและภาคอีสาน ที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายของพ.ต.ท.ทักษิณหากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ก็เสี่ยงที่จะเปิดทางให้พ.ต.ท.ทักษิณกลับมา
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ความเคลื่อนไหวทั้งหมดเป็นประชา ธิปไตยที่ประเทศไทยมีอย่างเห็นได้ชัด ท่ามกลางชาติอาเซียนอื่นๆ ที่ยังขาดแคลน
ซีเอ็นเอ็น สถานีข่าวยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ยังไม่มีรายงานวิเคราะห์เจาะลึก เพียงบรรยายสถาน การณ์ประท้วงทั่วไป พร้อมระบุถึงกลุ่มคนเสื้อแดง ว่าเป็นกลุ่มที่สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ นายกฯ ของไทยคนเดียวที่อยู่ครบวาระและยังได้รับความนิยมสูง
การประท้วงครั้งนี้เพื่อกดดันให้นายอภิสิทธิ์ยุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่
ไทม์ นิตยสารทรงอิทธิพลของสหรัฐ เน้นการรายงานไปที่การรับมือของนายกฯ อภิสิทธิ์ ซึ่งปฏิเสธข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมเสื้อแดงว่า มีทั้งกฎหมายความมั่นคงและกองทหาร 30,000 นาย ที่ประจำการรักษาความสงบอยู่ในเมืองหลวง
อภิสิทธิ์ยืนยันว่าจะไม่ใช้กำลังต่อผู้ประท้วงหากไม่ละเมิดกฎหมาย พร้อมกล่าวหาผู้นำการประท้วงว่าพยายามยั่วยุด้วยการเปิดเทปตัดต่อว่า นายอภิสิทธิ์สั่งให้ทหารยิงผู้ชุมนุมได้ในการประท้วงที่วุ่นวายเมื่อเดือนเม.ย.ปีก่อน
คริส เบเกอร์ นักวิเคราะห์เศรษฐกิจและการเมืองของไทม์ในไทย ให้ความเห็นว่า “ผมยังคาดเดาไม่ได้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร”
อัลจาซีรา สถานีข่าวช่องสำคัญของชาติอาหรับ รายงานเหตุการณ์การประท้วง พร้อมย้อนไปว่า สถานการณ์การเมืองไทยเข้าสู่ภาวะวุ่นวายอลหม่านนับตั้งแต่ปี 2549 ที่มีการประท้วงของคนเสื้อเหลือง ตามด้วยการรัฐประหารของทหารที่โค่นอำนาจ พ.ต.ท. ทักษิณ
ส่วนกลุ่มคนเสื้อแดงเคลื่อนไหวตั้งแต่นายอภิสิทธิ์ ขึ้นเป็นนายกฯ ในเดือนธ.ค.2551
“เป็นมุมมองของสื่อต่างชาติต่อสถานการณ์การเมืองของไทย ที่แม้แต่คนไทยเองก็ยากคาดเดาถึงอนาคต”
ที่มา:วันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 19 ฉบับที่ 7048 ข่าวสดรายวัน
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1269 ครั้ง