รมว.กลาโหมและผบ.ทบ.เยี่ยมทหารไทยที่ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะ
เขมรใช้จรวดระดมยิงใส่ตามแนวชายแดนสุรินทร์-บุรีรัมย์ ชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ ทหารไทยใช้ปืนใหญ่ถล่มกลับ ด้านพล.อ. ประวิตร –กษิต แจงครม. เหตุปะทะไทย-กัมพูชา ฝ่ายเขมรเสียหายหนักสูญเสียระดับรองผบช.กองพล
วันที่ 26 เมษายน สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงมีเหตุปะทะระหว่างทหารทั้งสองฝ่ายเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 26 เม.ย. กัมพูชาได้ใช้ จรวดติดยานยนต์ขนาด 40 ลำกล้อง หรือ บีเอ็ม-21 ระดมยิงเข้าใส่ฝั่งไทย ส่งให้จรวดตกใกล้หมู่บ้านตามแนวชายแดนจ.สุรินทร์และ จ.บุรีรัมย์ หลายลูก เช่น ที่บ้านโคกกระชาย ต.บ้านกรวด อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ซึ่งอยู่ติดกับบ้านหนองคันนาและบ้านตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ โดยเจ้าหน้าที่ได้ประกาศให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อันตรายอย่างเด็ดขาดแล้ว
นอกจากนี้ในหมู่บ้านที่ใกล้ปราสาทตาเมือนธม และ ปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ยังพบว่ามีลูกปืนใหญ่จากกัมพูชาตกลงมาจำนวนหลายลูก โดยเจ้าหน้าที่ได้เร่งสำรวจความเสียหายแล้ว อย่างไรก็ตามหมู่บ้านดังกล่าวเจ้าหน้าที่ได้อพยพประชาชนออกไปทั้งหมดก่อนหน้านี้แล้ว
ทหาร-ชาวบ้านเจ็บ 6 บ้านเรือนพังเสียหาย
ทั้งนี้เหตุปะทะที่บริเวณปราสาทตาควาย มีทหารได้รับบาดเจ็บ 3 นาย คือ พลทหารบรรเจิด วงศ์ประมวล สังกัดกรมทหารราบที่ 2341, ทหารพรานภาคภูมิ แรงล้อม สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 2607 และ ส.อ.พงษ์เทพ นรารัตน์ สังกัดทหารปืนใหญ่ 623 ทั้งหมดถูกนำตัวส่งเข้ารักษาที่รพ.สุรินทร์ และ รพ.ค่ายวีรวัฒน์โยธิน จังหวัดทหารบกสุรินทร์ อ.เมือง จ.สุรินทร์แล้ว
นอกจากนี้ยังพบว่า บ้านเรือนและรถยนต์รวมทั้งวัวของประชาชน ในหมู่บ้านอุโลก ต.บักได อ.พนมดงรัก ได้รับความเสียหายจากจรวดบีเอ็ม-21ที่ฝ่ายกัมพูชายิงมา
ขณะที่การปะทะใน อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ทำให้ชาวบ้านถูกสะเก็ดระเบิด ได้รับบาดเจ็บ 3 รายคือ นายสนั่น เติมประโคน ถูกสะเก็ดระเบิดบาดเจ็บอาการสาหัส, นายสวัสดิ์ หาญเชี่ยว ถูกสะเก็ดระเบิดที่ขา และอีก 1 คนไม่ทราบชื่อ ขณะนี้ถูกนำตัวส่งเข้าไปรักษาตัวที่พ.บ้านกรวดแล้ว
ไทยยิงปืนใหญ่สวนกลับ
พ.อ.ประวิทย์ หูแก้ว โฆษกกองทัพภาคที่ 2 กล่าวว่าการปะทะครั้งนี้ฝ่ายกัมพูชาเริ่มเปิดฉากยิงเข้ามาในฝั่งไทยก่อน โดยทหารกัมพูชาได้ใช้อาวุธ บีเอ็ม 21 ยิงเข้ามาในพื้นที่ของไทยตั้งแต่ประสาทตาควายจนถึงปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ซึ่งทหารไทยได้ทำการตอบโต้ไปด้วยอาวุธปืนใหญ่อย่างสมเหตุสมผล และจนถึงเวลา 17.00 น. ก็ยังคงมีการใช้อาวุธปืนยิงตอบโต้กันอยู่
“ก่อนหน้านี้ทางกองทัพภาคที่ 2 ได้พยายามที่จะเจรจาในทุกระดับ แต่ก็ไม่เป็นผลเนื่องจากฝ่ายกัมพูชามีเพียงนายกรัฐมนตรีเท่านั้นเป็นผู้ตัดสินใจ ซึ่งยืนยันว่าทางฝ่ายไทยพร้อมที่จะเจรจาเพื่อยุติปัญหาทุกเมื่อแต่ขึ้นอยู่กับผู้นำประเทศของกัมพูชาว่าจะตัดสินใจอย่างไร”พ.อ.ประวิทย์กล่าว
เขมรเปิดแนวรบที่ช่องจอม
เมื่อเวลา 19.20 น. ทหารกัมพูชาเปิดแนวรบใหม่ เปิดฉากยิงถล่มบริเวณช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ซึ่งฝั่งตรงข้ามช่องโอร์เสม็ด ที่ตั้งบ่อนกาสิโน
ทั้งนี้ทหารกัมพูชาได้ระดมอาวุธหนักยิงเข้ามาตกบริเวณบ้านน้อยร่มเย็น ต.ด่าน ทำให้ผู้ใหญ่บ้านน้อยร่มเย็น ม.8 ต.กาบเชิง อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ถูกระเบิดได้รับบาดเจ็บ
เผยยึดอาวุธสงครามของเขมรได้อื้อ
พ.อ.ประวิทย์กล่าวอีกว่า หลังจากเหตุปะทะเมื่อวันที่ 25 เม.ย. ที่ผ่านมาบริเวณปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ ทหารไทยได้เข้าเคลียร์พื้นที่บริเวณการสู้รบ และสามารถยึดอาวุธสงครามของทหารฝ่ายกัมพูชาทิ้งเอาไว้ในพื้นที่ จำนวนมาก ประกอบด้วย ปืนคอร์ 60 หรือเครื่องยิงระเบิด 60 จำนวน 1 เครื่อง พร้อมกระสุนจำนวน 10 ลูก นอกจากนี้ยังยึดเครื่องยิงจรวดอาร์พีจี จำนวน 2 กระบอก พร้อมลูกกระสุน 4 ลูก และกระสุนเอ็ม 80 อีกจำนวน 100 นัด
ชี้เป็นหลักฐานรุกล้ำอธิปไตยไทย
พ.อ.ประวิทย์กล่าวว่า อาวุธที่ยึดได้เป็นหลักฐานที่สามารถยืนยันได้ว่า ฝ่ายกัมพูชาได้เป็นผู้เริ่มรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่เข้ามาในพื้นที่ของไทยและเปิดฉากโจมตีไทยก่อน เนื่องจากบริเวณดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ของประเทศไทย ซึ่งถือเป็นการรุกล้ำอธิปไตยของไทย ทำให้ทหารไทยจำเป็นที่จะต้องใช้กำลังตอบโต้อย่างสาสม
รมว.กลาโหม-ผบ.ทบ.ลงพื้นที่เยี่ยมกำลังพล
ด้าน พล.อ.ประวิทย์ วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และคณะได้เดินทางมาเยี่ยมทหารที่บาดเจ็บจากการสู้รบบริเวณพื้นที่ชายแดน ปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ที่โรงพยาบาลศูนย์สุรินทร์ และโรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน จังหวัดทหารบกสุรินทร์
ทั้งนี้จากการยิงสู้รบ 5 วันต่อเนื่อง ทหารไทยบาดเจ็บจำนวน 57 นาย เสียชีวิต 5 นาย
หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ชี้แจง ครม.ถึงเหตุการณ์ปะทะชายแดนไทย กัมพูชา ซึ่งรมว.กลาโหม รายงานว่า พื้นที่ที่เกิดขึ้น ฝ่ายไทยไม่ได้ดำเนินก่อน แต่เป็นการตอบโต้และไม่ได้ตอบโต้เกินกว่าเหตุ แต่พร้อมตอบโต้อย่างหนักด้วย
รถบรรทุกเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้องของฝ่ายกัมพูชาที่เคลื่อนกำลังตามแนวชายแดนติด จ.สุรินทร์ / ภาพ เอเอฟพี
ทั้งนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ ตอนเช้า ทหารไทยออกลาดตระเวน บริเวณชายแดนปราสาทตาเมืองธม ปราสาทตาควาย พบทหารกัมพูชาเข้าพื้นที่ จึงผลักดัน และแจ้งให้ออกไป มีการปะทะ เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยเสียชีวิตและบาดเจ็บ มีการเสริมอาวุธสองฝ่าย ฝ่ายไทยก็ดำเนินการพร้อมตอบโต้อย่างจริงจัง ไปยังจุดที่ยิงมา
รมว.กลาโหม แจ้งว่า ฝ่ายไทยปฏิบัติการอย่างแม่นยำได้ดีกว่า ทำให้ฝ่ายกัมพูชาสูญเสียจำนวนมาก เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาไม่ได้ใช้กำลังต่อเนื่อง แต่ใช้จรวดหลายลำกล้อง หรือ BM -21 ซึ่งมีวิถีกระสุนกระจายหลายพื้นที่ สะเปะสะปะ ไม่ใช่ระบบนำวิถี จึงมีบางส่วนไปตกที่ รพ.พนมดงรักษ์ การปะทะยังมีอยู่ และวันที่ 24 เม.ย.สามารรถยึดอาวุธกัมพูชาได้จำนวนหนึ่ง
เมื่อวันที่ 24 เม.ย.เหตุการณ์ยุติ ไทยสูญเสียทหาร 5 นายบาดเจ็บ 27 นาย ฝ่ายกัมพูชาเสียชีวิต บาดเจ็บจำนวนมาก โดยเฉพาะมีระดับรองผู้บัญชาการกองพล ด้านคนไทยต้องอพยพจำนวน 30,000 คน อย่างไรก็ตาม กองทัพบกมั่นใจว่าจะรักษาอธิปไตยไม่ให้สูญเสียพืนที่สักตารางนิ้วเดียว
นายศุภชัย กล่าวว่า ทางด้านนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ แจ้งครม.ว่า ขณะนี้ กระทรวงต่างประเทศทำการชี้แจงต่อประชาคมโลกต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นเรืองที่กัมพูชาหลีกเลี่ยงเจรจาทวิภาคีกับไทย ต้องการดึงนานาชาติเข้ามายุ่งเกี่ยวในปัญหา ทั้งที่เป็นเรื่องทางการเมืองของผู้นำกัมพูชา แต่เป็นเรื่องต้องการให้นานาชาติเข้ามายุ่งเกี่ยว ทั้งนี้วันที่ 18 พ.ค. จะได้มีโอกาสพบประธานอาเซียน จะได้ยืนยันกรณีดังกล่าวมีการสั่งการจากพนมเปญ มีเจตนาอย่างเด่นชัด
“สิ่งที่รัฐบาลดำเนินการ ต้องการให้เรื่องนี้เป็นความขัดแย้งระดับพื้นที่ ไม่ใช่เรื่องความสัมพันธ์สองประเทศที่ทำให้นานาชาติเข้ามาร่วม ซึ่งนายกฯรับทราบตามที่ สองรมต.แจ้งให้ทราบ”นายศุภชัย กล่าว
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 2580 ครั้ง