วันที่ 27 เมษายน พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกันแถลงข่าวกรณีชุดเฉพาะกิจของการบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางจับกุมวิทยุชุมชน 13 คลื่นในพื้นที่ของกองบัญชาการตำรวจนครบาลและพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1
พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า ตนเองแถลงข่าวในนามศอ.รส.การไปดำเนินการจับกุมวิทยุชุมชนนั้นเ รื่องจากได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่ามีวิทยุชุมชนกระจายเสียงสร้างความขัดแย้งในสังคม และนำคำปราศรัยของกลุ่มเสื้อแดงที่เข้าข่ายหมิ่นสถาบันมาเผยแพร่ซ้ำ จึงได้ประสานกับกอ.รมน.ตรวจสอบพบ 14 สถานีมีพฤติกรรมดังกล่าวจริง รวมถึงบางสถานีมีการตั้งวิทยุชุมชนโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงได้ประสานให้ทางบช.ก.โดนพล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบช.ก.เป็นหัวหน้าชุดนำกำลังเข้าจับกุมพร้อมกันทั้ง 14 สถานี มีหนึ่งสถานีที่ปิดไปแล้วทำให้จับกุมได้ 13 สถานี
พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวต่อว่า มีสถานีวิทยุชุมชน จำนวน 3 สถานี ที่มีการต่อต้านจากลุ่มมวลชนคนเสื้อแดง จนไม่สามารถยึดเครื่องกระจายเสียงซึ่งเป็นของกลางได้ ประกอบด้วย 1.สถานีวิทยุชุมชนคนไทยหัวใจเดียวกัน คลื่นความที่ 89.85 แมกกะเฮิร์ต ตั้งอยู่ที่ตลาดวงศกร ซ.สายไหม 19 2.สถานีวิทยุชุมชนคนไทยหัวใจเดียวกัน คลื่นความถี่ 102.75 แมกกะเฮิร์ต ตั้งอยู่อาคารวังหินเพลส 3.สถานีวิทยุชุนชนมวลชนคนลำลูกกา คลื่นความถี่ 96.35 แมกกะเฮิร์ต ขอยืนยันว่า การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นไปตามพยานหลักฐานไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทำตามคำสั่งของรัฐบาล อยากจะฝากประชาชนที่ฟังวิทยุดังกล่าว ส่วนหนึ่งตนเองเข้าใจว่าวิทยุชุมชนทำประโยชน์ให้กับชุมชนและประชาชน แต่อาจมีบางช่วงบางตอนที่ประชาชนไม่ได้ฟังผู้ดำเนินรายการพูดที่เข้าข่ายจวบจ้วงสถาบัน โดยทั้ง 3 สถานีที่ตำรวจไม่สามารถยึดของกลางได้นั้น ตำรวจจะดำเนินการเพื่อดำเนินการจับกุมอีกครั้ง หากมีประชาชนที่ขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ก็จำดำเนินการตาม ผู้สื่อข่าวถามว่าเหตุใดเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้มงวดจับกุมในช่วงนี้ซึ่งใกล้ยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า เราได้รับการร้องเรียนเรื่องนี้มานานแล้ว ตรวจสอบพบว่ามีความผิดจริงตั้งแต่เดือน มี.ค.เป็นต้นมา ซึ่งสาเหตุการกระทำผิดอาจเป็นไปได้หลายอย่าง รวมถึงเป็นการกระทำเพื่อหวังผลทางการเมืองปลุกระดมประชาชนไปในทางที่ผิดเพื่อผลประโยชน์ในการเลือกตั้ง และหากการสทบสวนขยายผลพบว่ามีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องก็จะมีผลต่อใบเหลืองและใบแดงในอนาคต
เมื่อถามว่า มีสถานีวิทยุชุมชนอื่นๆที่เข้าข่ายผิดกฎหมายอีกหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า ก็ต้องมีการตรวจสอบต่อไป โดยเฉพาะสถานีวิทยุชุมชนในภาคเหนือ อีสาน และภาคใต้ ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่ามีผู้ดำเนินรายการ 2 ราย จาก 14 คลื่นที่เคยมีหลายจับในข้อหาหมิ่นเบื้องสูง โดยเป็นหมายจับของศอฉ. และมาทำปิกซ้ำอีกจนถูกจับกุมครั้งนี้ นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังจับตาเว็บไซด์ อีก 326 เว็บไซด์ ที่อาจมีการโพสต์ข้อความ บทความที่เข้าข่ายหมิ่นสถาบัน
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1059 ครั้ง