วันที่ 28 เมษายน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ชี้แจงสถานการณ์ปะทะกันระหว่างทหารไทยและกัมพูชาว่า เมื่อเวลาประมาณ 20.50 น.คืนที่ผ่านมา เกิดการปะทะกันที่จุดเดิม คือ ตลอดแนวชายแดนบริเวณทิศตะวันตก ปราสาทตาเมือนธม และพื้นที่ทางทิศตะวันออก ปราสาทตาควาย อ.พนมดงรักจ.สุรินทร์ โดยได้ระดมทั้งปืนเล็ก และปืน ค. ตอบโต้กัน จนกระทั่งยุติกันเมื่อเวลาประมาณ 21.10 น. จากนั้นเป็นการปะทะกันเล็กน้อย กระทั่งเวลาประมาณ 04.00 น. เกิดการตอบโต้กันอีก โดยกัมพูชาใช้เครื่องยิงจรวจหลายลำกล้องยิงตอบโต้มายังฝั่งไทย เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต
เวลา 20.50 น. วันที่ 27 เมษายน ทหารกัมพูชา บริเวณฐานช่องกร่าง บ้านทะมอโดน ต.โคกหมอน อ.บันเตียอำปึล จ.อุดรมีชัย เปิดฉากระดมยิงปืนใหญ่เข้าใส่ พื้นที่บริเวณตามแนวชายแดนอีกระลอก โดยจุดที่ได้ยินเสียงปืนครั้งแรก อยู่ที่ ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ และบริเวณปราสาทตาควาย เลียบชายแดนมาจนถึงบริเวณทิศตะวันตกปราสาทตาเมือนธม ส่งผลให้ชาวบ้าน หมู่ 1 บ้านรุน ต.บักไดอ.พนมดงรัก ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดน 8-12 กม. ต้องวิ่งหลบลูกระเบิดกันอย่างโกลาหล
นายทหารตายอีก 1
ด้านพ.อ.ประวิทย์ หูแก้ว โฆษกกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (27) เวลาประมาณ 20.00 -21.00 น. ทหารไทยและกัมพูชา ได้ยิงปะทะกันที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ โดยยืดเยื้อไปจนถึงเวลา 24.00 น. และยังมีเสียงปืนดังอีกเป็นระลอกช่วงเวลาประมาณ 02.00 น. จากนั้นสถานการณ์เริ่มรุนแรงขึ้น ช่วง 04.00 น. เนื่องจากทหารกัมพูชาได้เสริมกำลังพล พร้อมอาวุธหนัก ระดมยิงใส่ทหารไทย เพื่อหวังรุกเข้ายึดฐานที่มั่นทางปราสาทตาเมือนธม ตาควาย ขณะที่กองกำลังฝั่งไทยได้สนธิกำลังตอบโต้อย่างหนัก และสามารถผลักดันทหารกัมพูชาออกไปได้สำเร็จ จนเวลาล่วงเลยมาถึงช่วงเช้า ประมาณ06.00 น. เศษ จากเหตุการณ์การสู้รบในครั้งนี้ มีทหารเสียชีวิตเพิ่มอีก 1 นาย คือ ร.ต.อุทัย หมื่นอภัย ผู้บังคับ-หมวด กองกำลังในพื้นที่ นับเป็นทหารนายที่ 6 ที่เสียชีวิตแล้ว ส่วนจำนวนผู้บาดเจ็บนั้น ยังไม่นิ่ง
ฮุนมาเน็ตลงมาคุมเอง
ด้าน พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาค 2 กล่าวว่า ส่วนกลางเขมรติดต่อทหารมาว่าหากเรายิงไป ก็ยิงตอบโต้ ซึ่งหากทหารเขมรยังเชื่อส่วนกลาง ไทยเขมรก็ต้องปะทะไม่หยุด ตอนนี้เขมรเสริมกำลังเต็มแนวชายแดน โดยมีรองผู้บัญชาการทหารบก คุมมาเอง ส่วนฮุนมาเน็ต ลูกชาย ฮุนเซน นายกรัฐมนตรี กัมพูชา ได้เดินทางมาเป็นครั้งคราว
เผยเขมรใช้เด็ก-ผู้หญิงเป็นโล่กำบัง
ศูนย์ประชาสัมพันธ์ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ส่วนหน้า( ศปก.ทภ.2) นิคมสร้างตนเองอ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ได้แถลงข้อมูลสถานการณ์ชายแดน ระบุว่า จากการปะทะที่ผ่านมาตรวจการณ์พบว่าทหารกัมพูชาเกิดการอ่อนล้า จากการรบอย่างมาก รวมทั้งตรวจพบว่า ทหารกัมพูชานำลูกเมียมาพักอาศัยตามฐานทหารมากขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ปราสาทตาควาย คาดว่าต้องการใช้เด็ก สตรีเป็นโล่กำบัง
ทั้งนี้กองทัพจะไม่สั่งถอนทหาร และไม่ให้กำลังทหารกัมพูชาเข้ามายึดปราสาทตาควาย บ.บ้านไทยสันติสุข ต.บักได อ.พนมดงรัก กำลังพลทุกนายพร้อมปกป้องปราสาทตาควาย
การปะทะที่ผ่านมา ทหารกัมพูชาพยายามขยายขอบเขตการสู้รบ เข้าสู่แนวหลัง ใช้จรวดหลายลำกล้อง แบบ บีเอ็ม-21 ยิงใส่ระบบไฟฟ้า ระบบประปา และเสาโทรศัพท์ สร้างความเสียหายบ้านเรือนประชาชน และกระสุน บีเอ็ม-21 ตกในบ้านเรือนชาวบ้านไทย มากกว่า 100 ลูก
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ทหารเขมรได้ถอนกำลังที่ประจำการอยู่ชายแดนฝั่งศรีสะเกษมายังจุดที่มีการปะทะกับไทย คาดว่า จะยังรุกต่อ หน่วยงานความมั่นคงประเมินว่า การรบจะยืดเยื้อ 1-2 สัปดาห์
จับอดีตผญบ.สงสัยสายลับ
อีกด้านหนึ่ง ทหารไทยได้รับแจ้งจากชาวบ้านหนองคันนา ว่า มีอดีตผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่ง โทรศัพท์ตลอดเวลา และมีเครื่องโทรศัพท์หลายเครื่อง อยากจะให้ทหารไปตรวจสอบเนื่องจากเกรงจะเป็นสายลับให้กับ ทางฝ่ายกัมพูชา เนื่องจากตลอด 2 วันที่ผ่านมา เขมรได้ยิงจรวด บีเอ็ม 21 มาถล่มที่หมู่บ้านหนองคันนาตลอดเวลา เกรงจะมีสายลับส่งข่าวให้ โดยทางทหารได้เข้าไปควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย ซึ่งเป็นอดีต ผู้ใหญ่บ้านบ้านหนองคันนา อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ พร้อมเครื่องโทรศัพท์หลายเครื่อง โดยมีเบอร์ติดต่อโทรศัพท์ออกไปยังประเทศกัมพูชา หลายครั้ง ล่าสุดได้นำตัวไปสอบปากคำที่สภ.พนมดงรักแล้ว
รพ.ปิดแล้ว 15 แห่ง
นายสอาด วีระเจริญ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ในชายแดน ณ ขณะนี้ทำให้ต้องปิดสถานพยาบาลสาธารณสุขตามแนวชายแดน จ.สุรินทร์ไปแล้ว 15 แห่งจาก 24 แห่ง กับอีก 2 โรงพยาบาล คือ รพ.กาบเชิง กับ รพ.พนมดงรัก โดยการที่เราจะปิดนั้นขึ้นอยู่กับประชาชนว่าจะอพยพหรือไม่ ถ้าหากไม่อพยพเราก็พร้อมที่จะอยู่กับชาวบ้านด้วยและหากอพยพมาก็จะมีเจ้าหน้าที่ตามมาดูแลทุกศูนย์อพยพที่มีประชาชนอยู่
โดยส่วนใหญ่ประชาชนที่อพยพเข้ามาเพิ่มเติมที่ศูนย์อพยพทั้ง 34 ศูนย์ มีจำนวนตอนนี้อยู่ที่ 43,923 คน ซึ่งจะทำการตรวจเช็คยอดผู้อพยพทั้งหมดตอน 21.00 น. ของทุกวัน และมีแนวโน้มที่จะอพยพเข้ามาเรื่อยๆ ซึ่งส่วนใหญ่ผู้อพยพจะป่วยเป็นไข้หวัดที่ได้รับการรักษามาแล้วทั้งหมด 7,736 ราย แต่ถ้าอาการไม่หนักมากก็จะรักษาที่ศูนย์อพยพกับเจ้าหน้าที่พยาบาลประจำศูนย์ แต่ถ้าอาการหนักก็จะส่งไปยังโรงพยาบาลปราสาท และโรงพยาบาลใกล้เคียงที่อยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 50 ก.ม. เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย
ตอนนี้จากการสุ่มตรวจผู้อพยพมียอดผู้อพยพที่มีความเครียดสูงอยู่ที่ 65 ราย ความเครียดปานกลางอยู่ที่ 85 รายและ ความเครียดต่ำอยู่ที่ 956 ราย ปกติคนเราจะมีความเครียดอยู่แล้วแต่เมื่อมีความเหตุกาณ์อย่างนี้เข้ามาก็เกิดความเครียดสูงเพิ่มขึ้น ช่วงนี้ยังไม่มีปัญหาในเรื่องของการขาดแคลนยา และ เวชภัณฑ์ เพราะได้รับการสนับสนุนจากองค์การเภสัชเป็นอย่างดี แต่ในอนาคตคงต้องทำเรื่องขอเบิกยาจากองค์การเภสัชและสาธารณสุขเข้ามาเพิ่มถ้าหากยังมีผู้อพยพเข้ามาที่ศูนย์เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้การที่มีศูนย์อพยพจำนวน 34 ศูนย์อพยพทำให้การเข้ามาดูแลรักษาผู้อพยพที่ป่วยและบาดเจ็บลำบากและไม่สะดวกทำให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์มีความเห็นที่จะให้รวมศูนย์ทั้ง 34 แห่งเข้าด้วยกันในเร็ววัน
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 900 ครั้ง