นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวถึงกรณี แม่ชีทศพร เทวาพิทักษ์ธรรม แก้กรรมพิสดาร ว่า ตนได้กราบนมัสการ พระพรหมโมรี เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม วรวิหาร และได้หารือเรื่องนี้แล้ว ซึ่งเจ้าอาวาสได้ไปว่ากล่าวตักเตือน แม่ชีทศพร แล้ว ซึ่งแม่ชีก็ยอมรับผิด และขอโทษ ทั้งนี้ยอมรับว่า พฤติกรรมของแม่ชี ไม่เหมาะสม เพราะไม่ใช่เรื่องของพระพุทธศาสนา แต่ยอมรับว่า มีคนไทยจำนวนมากยังมีความเชื่อเรื่องแบบนี้อยู่ ซึ่งการกระทำของแม่ชี เชื่อว่าเป็นกลอุบายที่ทำให้คนที่มีความทุกข์ ได้สบายใจและหันไปทำความดี ส่วนการแนะนำให้นำหอยไปติดที่ประตูเชื่อว่าเป็นการแก้เคล็ด โดยยอมรับว่า วิธีของแม่ชี หมิ่นเหม่ต่อการมีเพศสัมพันธ์
อย่างไรก็ตาม เมื่อแม่ชี ขอโทษแล้ว ก็ให้อภัยได้ เพราะที่ผ่านมา แม่ชีก็ได้สนับสนุนงานในด้านของพระพุทธศาสนาไว้มากมาย
ด้านนางวิสา เบ็ญจะมโน กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ในฐานะประธานอนุกรรมการปฏิบัติการยุทธศาสตร์ด้านเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและความเสมอภาคของบุคคล กล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพแม่ชีคนหนึ่งกำลังทำพิธีแก้กรรมให้กับหญิงวัยกลางคน โดยแนะนำให้บุคคลดังกล่าวไปมีสัมพันธ์บุคคลอื่นว่า เรื่องความเชื่อและศรัทธาทางศาสนาเป็นเรื่องละเอียดอ่อน การใช้วิธีการแก้ไขกรรมโดยการให้คำแนะนำในลักษณะสั่งการให้กระทำเช่นนั้น ทั้งที่ก็รู้ว่าเป็นการไม่สมควร อีกทั้งเป็นการแสดงบทบาทที่ไม่เหมาะสมของแม่ชีที่จะเป็นผู้สั่งให้กระทำการอันเป็นการละเมิดสิทธิทางเพศแก่สตรีผู้มาแก้กรรม ไม่ว่าจะเป็นการพูดยั่วยุ แนะนำ และใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสม หากพิจารณาในแง่ของสิทธิมนุษยชน ในเรื่องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์แล้ว ต้องถือว่าละเมิดสิทธิอันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานในเนื้อตัวและร่างกายของผู้หญิง และถือว่าเป็นผู้ใช้ความรุนแรงทางวาจาด้วย
นางวิสา กล่าวต่อว่า หากยิ่งพิจารณาในแง่ของความเสมอภาคทางเพศ กรณีดังกล่าวแม่ชีได้ตอกย้ำบทบาทดั้งเดิมตายตัวของผู้หญิงในแง่ของการเป็นผู้ถูกกระทำ ว่า การที่ผู้หญิงจะหมดกรรมได้ด้วยการเสียสละเนื้อตัวร่างกายให้กับผู้ชาย กรณีดังกล่าวนี้ถือเป็นตัวอย่างของการละเมิดสิทธิ โดยผู้ถูกละเมิดไม่ได้รู้ตัวอีกด้วย
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 2375 ครั้ง