พระพยอม ยอมรับการแก้กรรมในพุทธศาสนามีจริง อัด การสอนของแม่ชีทศพร นอกหลักพระไตรปิฎก คิดเอง ชอบทำตัวเป็นเจ้าลัทธิ
แม่ชี ทศพร
พระพิศาลธรรมพาที หรือ พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว กล่าวว่า การแก้กรรมในพุทธศาสนานั้น มีอยู่จริง แต่ไม่ใช่แก้แบบแม่ชีทศพร โดยมองว่า พฤติกรรมของแม่ชีทศพร เป็นการสอนนอกหลักพระไตรปิฎก เป็นเรื่องนอกลู่นอกรอย คิดขึ้นมาเอง ทำตัวเป็นเจ้าลัทธิ เพราะอยากเป็นพระศาสดา อยากมีชื่อเสียง อยากมีศิษยานุศิษย์มากมาย ทั้งนี้ การทำให้คนที่เป็นทุกข์ รู้สึกสบายใจนั้น สามารถทำได้หลายวิธี ซึ่งทำไมไม่เลือกวิธีที่ถูกต้อง โดยยอมรับสังคมไทย ยังมีความเชื่อที่ผิดๆ โดยอยากให้เปรียบเทียบคำสอนของแม่ชีทศพร กับ ท่านพุทธทาสภิกขุ และ ท่าน ว. วชิรเมธี (พระมหาวุฒิชัย)
ทั้งนี้ พระพยอม ยอมรับ แม่ชี ก็ทำประโยชน์ไว้มากมาย แต่ดูจะเพี้ยนไป มองว่าเป็นพวกเดียวกับ พระนิกร ที่ชอบทำพิธีสะเดาะเคราะห์ จนตัวเองได้รับเคราะห์ไปนอนอยู่ในคุก ส่วนคนที่คิดว่า ตัวเองมีกรรม ก็ต้องทำกรรมดี อย่าทำกรรมชั่ว
โษฯพระพรหมโมลี เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม (วัดพิชัยญาติ) เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า ได้เรียกแม่ชีทศพรมาตักเตือน และขอให้ปรับเปลี่ยนคำสอน และการแนะนำวิธีการแก้กรรมที่ไม่เหมาะสม ซึ่งแม่ชีทศพรก็รับปากว่าจะปรับแก้ทันที ที่ผ่านมาก็เคยตักเตือนไปแล้วว่าควรระมัดระวังคำสอนการแก้กรรม เพราะกรรมไม่สามารถแก้ได้ภายในวันสองวัน ต้องมีการปฏิบัติ แต่เชื่อว่าหลังจากตักเตือนไปน่าจะดีขึ้น ส่วนเรื่องเงินที่ประชาชนทำบุญกับแม่ชีทศพรนั้น ทางวันไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่ที่ผ่านมา แม่ชีทศพรได้อุปถัมภ์ คอยช่วยเหลือทางวัดตลอด บริจาคเงินสร้างสิ่งปลูกสร้างต่างๆ
ด้านน.ส.ลัดดา ตั้งสุภาชัย ผู้อำนวยการศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า นายนิพิฏฐ์สั่งให้ทำหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอซีที) ให้ช่วยตรวจสอบ แม้จะลบคลิปไปหมดแล้ว เหตุผลที่ส่งหนังสือให้ ตร. เพราะการกระทำเช่นนี้เข้าข่ายหลอกลวงประชาชน อีกทั้งมีบางคลิป เช่น คลิปแก้กรรมเปรต มีหญิงสาวมากับพ่อแม่ บอกว่ากินอะไรไม่ได้ แม่ชีก็บอกว่า เป็นเพราะเปรตเข้าไปสิง ปากเล็ก กินอะไรไม่ได้ เลยลองให้ดูดนมเปรี้ยวยี่ห้อหนึ่งก็ดูดไม่ได้ เด็กสาวไม่ยอมดูด แม่ชีก็บอกว่า ถ้าไม่ดูดจะเอาไฟฟ้าช็อร์ต จากนั้นแม่ชีก็บอกว่า ต้องกินนะ แล้วเอาน้ำใส่หลอดหยอดไปที่จมูกเด็กตลอดเวลา ซึ่งอาจทำให้เกิดผลเสียต่อระบบหายใจถึงชีวิตได้
น.ส.ลัดดากล่าวว่า ได้ขอให้ไอซีทีประสานไปยังเว็บยูทูบ เพื่อดูแลไอเอสพี ตรวจสอบ และลบออก ซึ่งขณะนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบคลิปหมิ่นเหม่เหล่านี้ว่าจะไปโผล่ที่เว็บไซต์อื่นหรือไม่ ถ้าพบว่ายังเผยแพร่อีก จะต้องเอาผิดกับคนเผยแพร่คลิปตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2550 มาตรา 14 เผยแพร่หลอกลวงประชาชน เจอข้อหาหลอกลวง ก่อให้เกิดความไม่สงบสุข เกิดความตื่นตระหนก และความมั่นคงของชาติ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 2021 ครั้ง