รูปภาพ : นายเรเซ็ป เทย์ยิป เออร์โดแกน (Recep Tayyip Erdogan) นายกรัฐมนตรีตุรกี
ที่มา : Bloomberg
ตุรกีวางแผนที่จะสร้างเมืองใหม่ 2 เมืองใกล้นครอิสตันบูลและเตรียมย้ายผู้คนประมาณ 1.5 ล้านคนซึ่งอยู่ในภาวะเสี่ยงจากการเกิดแผ่นดินไหวในเขตตัวเมืองได้ นายกรัฐมนตรีตุรกีระบุ
“อย่าลืมว่า นครอิสตันบูลนั้นตกอยู่ภายใต้ความเสี่ยงของการเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ได้ … โครงการนี้จะช่วยยกระดับการเตรียมความพร้อมของอิสตันบูล” นายเรเซ็ป เทย์ยิป เออร์โดแกน (Recep Tayyip Erdogan) นายกรัฐมนตรีตุรกีกล่าวระหว่างการปราศัยออกโทรทัศน์ในสัปดาห์ที่แล้ว
“ประชาชนราว 1.5 ล้านคนจะถูกย้ายไปสู่เมืองใหม่เหล่านี้ เราต้องการให้ประชาชนของเรามีส่วนร่วมกับโครงการนี้จากหัวใจของพวกเขา เราต้องการให้พวกเขาย้ายไปโดยสมัครใจ” นายเออร์โแกนเสริม
สถานที่ตั้งของเมืองใหม่ทั้ง 2 แห่งนี้จะถูกเลือกขึ้นหลังจากการศึกษาด้านความปลอดภัย นายเออร์โดแกนระบุ โดยเสริมว่า หนึ่งในนั้นจะถุกสร้างขึ้นบนชายฝั่งของทะเลดำในฝั่งทวีปยุโรปของนครอิสตันบูล ขณะที่อีกเมืองหนึ่งจะตั้งอยู่ทางฝั่งทวีปเอเชียของช่องแคบบอสฟอรัส นายเออร์โดแกนกล่าว โดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
การก่อสร้างเมืองใหม่ทั้ง 2 จะเริ่มขึ้นหลังจากการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในเดือนมิถุนายนนี้ นายเออร์โดแกนระบุ
ร่องน้ำใหม่
นายกฯตุรกีได้ประกาศเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาว่า ตุรกีวางแผนที่จะสร้างร่องน้ำใหม่เพื่อเชื่อมทะลเดำและทะเลมาร์มาร่าเข้าด้วยกันเพื่อให้เป็นทางเลือกใหม่นอกเหนือจากช่องแคบบอสฟอรัสที่แออัดในปัจจุบัน ขณะเดียวกันสะพานแห่งที่ 3 จะถูกสร้างขึ้นเหนือช่องแคบบอสฟอรัสทางตอนเหนือของนครอิสตันบูล
การประกาศโครงการนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายต่างๆที่ถูกโปรยออกมาโดยนายกฯตุรกีก่อนช่วงเลือกตั้งวันที่ 12 มิถุนายนนี้ ซึ่งพรรคที่มีรากฐานอิสลามของเขาต้องการชัยชนะเพื่อการเป็นรัฐบาลสมัยที่ 3 ติดต่อกัน
พลเมืองอิสตันบูลกว่า 13 ล้านคนต้องอาศัยอยู่ในเมืองด้วยความหวาดกลัวตลอดเวลาต่อแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ซึ่งผู้เชี่ยวชาญพยากรณ์ว่า จะเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ในนครอิสตันบูลในอนาคตอันใกล้ด้วยขนาดความรุนแรงกว่า 7.2 ริกเตอร์
เหตุการณ์แผ่นดินไหวในปี 1999 ซึ่งวัดแรงสั่นสะเทือนได้ 7.6 ริกเตอร์ ได้สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อพื้นที่ส่วนใหญ่ในเขตอุตสาหกรรมภูมิภาคมาร์มาร่า ซึ่งรวมถึงบางส่วนของเขตชานเมืองนครอิสตันบูลและคร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 20,000 คน
ที่มา Gulf News
แปลและเรียบเรียงโดย เบ๊นซ์ สุดตา ฝ่ายข่าวเศรษฐกิจและการเงินระหว่างประเทศ Mtoday