รูปภาพ : นายเวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีน กับ นายยูซุฟ ราซา จิลานี่ นายกรัฐมนตรีปากีสถานพบปะและหารือกันที่มหาศาลาประชาชนเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2011 ที่ผ่านมา
ที่มา : Xinhua
นายเวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีของจีน และนายยูซุฟ ราซา จิลานี่ (Yousuf Raza Gilani) ได้กล่าวตอกย้ำยืนยันถึงมตรภาพที่ดี “ในทุกฤดูกาล” (“all-weather” friendship) ของทั้ง 2 ประเทศเนื่องในโอกาสที่ทั้ง 2 ประเทศทำการเฉลิมฉลองในวาระครบรอบ 60 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-ปากีสถาน
ผู้นำทั้ง 2 ประเทศได้ทำการหารือกันที่มหาศาลาประชาชน (The Great Hall of People) ในกรุงปักกิ่งในบ่ายวานนี้ (วันพุธที่ 18 พฤษภาคม 2011) และให้คำมั่นถึง “การให้พลังชีวิตใหม่แก่มิตรภาพและความร่วมมือ” ระหว่าง 2 ประเทศโดยการจัดงานเฉลิมฉลอง ปีนี้ยังถือเป็นปีแห่งมิตรภาพจีน-ปากีสถานอีกด้วย ซึ่งปีแห่งมิตรภาพนี้ได้มีการประกาศขึ้นโดยนายเวินและนายจิลานี่ระหว่างการเยือนปากีสถานของนายเวินช่วงธันวาคม 2010 ที่ผ่านมา
นายจิลานี่กำลังอยู่ระหว่างการเยือนประเทศจีนอย่างเป็นทางการเป็นเวลา 4 วันซึ่งการเยือนครั้งนี้ยังถือเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมการเฉลิมฉลอง 60 ปีความสัมพันธ์ 2 ประเทศด้วย
ความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่าง 2 ประเทศได้ผ่านการทดสอบมากมายนับแต่จีนและปากีสถานสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อ 60 ปีที่แล้ว และได้ยังประโยชน์มหาศาลต่อประชาชนของทั้ง 2 ประเทศและรวมถึงการมีส่วนอย่างมากในการสร้างสันติภาพและเสถียรภาพในเอเชีย นายเวินกล่าวระหว่างการหารือกับนายจิลานี่
“เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ระหว่างประเทศและภูมิภาคที่กำลังเปลี่ยนไป จีนมีความตั้งใจที่จะทำงานร่วมกับปากีสถาน ให้ความสำคัญเต็มที่กับกลไกการประชุมประจำปีระหว่างผู้นำรัฐและการปรึกษาหารือทางการทูตระหว่าง 2 ประเทศเพื่อยกระดับการสื่อสารและความร่วมมือ และปกป้องผลประโยชน์ร่วมกันของเราในฐานะหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ‘ในทุกฤดูกาล’ ” นายเวินกล่าว
นายเวินกล่าวอีกว่า ปากีสถานได้ทำการเสียสละอย่างใหญ่หลวงและมีส่วนสำคัญต่อสงครามต่อต้านการก่อการร้ายของโลก โดยเขาเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศเข้าใจและสนับสนุนความทุ่มเทของปากีสถานในการรักษาเสถียรภาพภายในประเทศและสร้างความหน้าในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
“เอกราช อธิปไตย และบูรณภาพเหนือดินแดนของปากีสถานต้องได้รับการเคารพ” นายเวินกล่าวเสริม
นายเวินกล่าวว่า จีนกำลังพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อให้ความช่วยเหลือปากีสถานในการบูรณะประเทศหลังภัยพิบัติใหญ่ที่ผ่านมา ปีที่แล้ว ปากีสถานประสบกับน้ำท่วมครั้งใหญ่ครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 80 ปี
ระหว่างการหารือ นายเวินกล่าวว่า ทั้ง 2 ฝ่ายได้มุ่งให้ความสำคัญกับความร่วมมือทวิภาคีในด้านโครงสร้างพื้นฐาน พลังงาน และการเกษตร
“รัฐบาลจีนได้กระตุ้นให้วิสาหกิจของจีนขยายการลงทุนในปากีสถานและเพิ่มความร่วมกับฝั่งปากีสถานในด้านการค้า การเงิน และเทคโนโลยี” นายเวินระบุ
“ผมต้องการเน้นย้ำว่า ไม่ว่าสถานการณ์ระหว่างประเทศจะเปลี่ยนแปลงไปเช่นไร จีนและปากีสถานจะยังคงเป็นเพื่อนบ้าน มิตรสหาย หุ้นส่วน และพี่น้องที่ดีต่อกันอยู่เสมอ”
นายจิลานี่ได้สะท้อนมุมมองของนายเวินและชื่นชมจีนว่าเป็น “มิตรที่วางใจได้ที่สุดและหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ในทุกฤดูกาล”
นายจิลานี่ได้ขอบคุณรัฐบาลจีนและประชาชนชาวจีนสำหรับความช่วยเหลือที่ปราศจากความเห็นแก่ตัวและการสนับสนุนมายังฝั่งปากีสถาน
ปากีสถานมีความตั้งใจที่จะทำงานร่วมกันกับจีนเพื่อยกระดับความร่วมมือทวิภาคีในด้านโครงสร้างพื้นฐาน พลังงาน การเกษตร การลงทุน การค้า การเงิน และการแลกเปลี่ยนประชาชนต่อประชาชน เช่นเดียวกับการประสานงานและการร่วมมือกันในกิจการระหว่างประเทศและภายในภูมิภาค และถือโอกาสที่มีการเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตทำการผลักดันความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์แห่งการร่วมมือกันของปากีสถาน-จีนไปสู่จุดสูงสุดใหม่
หลังจากการหารือกัน ผู้นำทั้ง 2 ประเทศได้ร่วมกันเป็นสักขีพยานในการลงนามเอกสารความร่วมกัน 3 ฉบับระหว่างทั้ง 2 ประเทศอันได้แก่ ข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจและทางเทคนิคระหว่าง 2 ประเทศ, แก้ไขบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการบริหารจัดการวิกฤตระหว่างคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการธนาคารจีนหรือ CBRC (China Banking Regulatory Commission) และธนาคารกลางปากีสถาน และ บทแทรกเพิ่มเติมหมายเลข 2 ในสัญญาเช่าโครงการเหมืองทองแดง-ทองคำแซนดัคเพื่อการยืดขยายระยะเวลาระหว่างบริษัทเมทัลเลอร์จิคัล คอร์เปอเรชั่น ออฟ ไชน่าจำกัด (Metallurgical Corporation of China Ltd) และ บริษัทแซนดัค เมทัล จำกัด(Sanduck Metal Ltd)
นายหลิ่ว หมิงคัง (Liu Mingkang) ประธานกรรมการ CBRC กล่าวว่า การแก้ไขเพิ่มเติมระหว่าง CBRC และธนาคารกลางปากีสถานถือเป็นข้อตกลงที่สำคัญมาก เนื่องจากมันจะช่วยให้่ทั้ง 2 ฝั่งยกระดับการประสานงาน การแลกเปลี่ยนข้อมูล และการทุ่มร่วมกันเพื่อจัดการกับวิกฤตด้วยกัน
ที่มา สำนักข่าวซินหัว
แปลและเรียบเรียงโดย เบ๊นซ์ สุดตา ฝ่ายข่าวเศรษฐกิจและการเงินระหว่างประเทศ Mtoday