สรรเสริญโต้ข้อมูลสุธาชัยปัดศอฉ.ยกเมฆแก๊งล้มเจ้ายันมีข้อมูลจนน่าเชื่อถือว่ามีอยู่จริงดีเอสไอดำเนินการตามกม.แล้ว20คดีมีหมายจับ8มอบตัว4
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า นายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กำลังสร้างกระแสให้เกิดความสับสน และก่อให้เกิดความเสียหายต่อความน่าเชื่อถือ กรณีที่ออกมาระบุว่า ผังโครงข่ายล้มสถาบันของศูนย์อำนวยสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) เป็นเพียงความเชื่อ และไม่ได้มีข้อมูลพยานหลักฐาน ยืนยันว่า ในช่วง ศอฉ.ได้รวบรวมข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับบุคคลที่ดำเนินการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ จนเชื่อมั่นได้ว่าขบวนการที่จ้องล้มสถาบันมีอยู่จริง
โฆษกกองทัพบก กล่าวด้วยว่า เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้เชิญทีมโฆษกกองทัพบกไปพบ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงถึงกระแสข่าวที่เกิดขึ้น ทำให้ทราบว่า ขณะนี้ดีเอสไอได้ดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องตามมาตรา 112 โดยมีความคืบหน้าไปมาก จำนวน 20 คดี มีหมายจับ 8 คดี และมอบตัวแล้ว
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 พรรคเพื่อไทย ประกาศจะขอเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก เพื่อขอคำแนะนำสถานการณ์บ้านเมืองว่า เรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไร เพียงแต่สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงมาโดยตลอดว่าสถานการณ์ขณะนี้อยู่ในช่วงของการเลือกตั้ง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทหาร หรือ กองทัพดำเนินการก็จะต้องอยู่ภายใต้กฎหมายการเลือกตั้ง เรามีหน้าที่ในเรื่องการสนับสนุนการเลือกตั้ง และมีหน้าที่ของประชาชนคนหนึ่ง แม้ว่าจะมีการสวมหมวก 2 ใบ คือเป็นทั้งประชาชน และ เป็นเจ้าหน้าที่ทหาร ดังนั้นจะต้องไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ใครจะเลือกใครก็แล้วแต่ นอกจากนี้พื้้นที่หน่วยทหารมีกฎระเบียบกติกาว่าถ้าพรรคหารเมือง หรือหัวหน้าพรรค หรือตัวแทนพรรค จะเข้ามาหาเสียง หรือชี้แจงนโยบายเพื่อให้ทหารได้รับฟังเพื่อเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งก็ไม่เคยปิดกั้น ถ้ามีพรรคการเมืองไปติดต่อค่ายทหาร ว่าจะขอเข้าไปหาเสียง สิ่งที่กองทัพจะต้องดำเนินการคือการแจ้งไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในเขตพื้นที่เพื่อให้ประสานงานกับพรรคการเมือง
“กองทัพบกยินดีเปิดพื้นที่ให้พรรคการเมืองเข้ามาหาเสียงอย่างเป็นธรรมทุกพรรคการเมือง กองทัพบกทำได้เพียงแค่ให้หัวหน้าพรรค หรือ ตัวแทนพรรคเข้ามาหาเสียงในพื้นที่ทหาร แต่หากจะขอเข้ามาพบเป็นการพูดคุยปรึกษาหารือแบบส่วนตัว ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ไม่หมาะสม เพราะพรรคการเมืองมีเยอะ การที่จะมีพรรคการเมืองพรรคหนึ่งพรรคใดจะมาพูดคุยด้วยเรื่องความในใจ หรือเรื่องใดก็แล้วแต่เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม เพราะผู้บัญชาการทหารบก เป็นข้าราชการ ก็จะถูกครหาได้ ว่าทำไมถึงได้พูดคุยกับพรรคการเมืองนี้ และพรรคการเมืองอื่นๆ จะขอคุยได้หรือไม่ ซึ่งมันมีปัญหาเยอะ ฉะนั้นเรื่องนี้กองทัพบกทำตามระเบียบกฎกติกาข้อกฎหมายอย่างเดียว ทั้งนี้ผมไม่ขอวิจารณ์ว่าการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกมาพูดว่าจะขอเข้าพบผู้บัญชาการทหารบก เพราะเป็นเรื่องทางการเมือง”พ.อ.สรรเสริญ ระบุ
ด้านนางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการและอดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เตรียมยื่นตรวจสอบในการซุกหุ้น ว่า ตนมั่นใจพร้อมให้ทุกฝ่ายตรวจสอบโดยอยู่ภายใต้กติกา ส่วนกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงยุทธศาสตร์บันได 4 ขั้นที่จะนำไปสู่การนิรโทษกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรว่า จะเป็นการเหยียบประชาชน เพื่อก้าวข้ามบันไดแต่ละขั้นว่า เชื่อว่าประชาชนจะไม่ยอมเป็นบันได ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ก้าวข้าวไปอย่างแน่นอน ซึ่งขณะนี้ตนไม่ต้องการให้พุ่งเป้าไปที่นิรโทษกรรม และยืนยันว่า การนิรโทษกรรมไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของตนเองและพี่ชาย ซึ่งการเดินหน้าเรื่องนิรโทษกรรม เมื่อถึงเวลาจะต้องมากำหนดแนวทางร่วมกัน และต้องฟังความคิดเห็นของประชาชนด้วย
ถามว่า มองอย่างไร ในขณะนี้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างพุ่งเป้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบถึงสาเหตุที่ถูกฟุ่งเป้าทางการเมือง แต่ยืนยันจะใช้ความอดทนทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และเดินหน้านำนโยบายเสนอประชาชนในทุกพื้นที่ และตนมั่นใจว่า มีความสามารถในการผลักดันให้เกิดความปรองดองของประเทศได้ ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังได้ขอโอกาสกองทัพ ในการเข้าพบเพราะตนเองมีความตั้งใจเพื่อจะทำให้ความปรองดองเกิดขึ้นในทุกภาคส่วน
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1103 ครั้ง