นายกิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ อันดับหนึ่งของพรรค เดินทางลงพื้นที่หลายจังหวัดภาคอีสาน พร้อมทั้งนำนโยบายใหม่ๆ ไปเสนอให้ชาวบ้าน และได้กระแสตอบรับดีมาก โดยเฉพาะตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์เอง กระแสวันนี้ดีกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ตอนช่วงก่อนการเลือกตั้งปี 2548 เสียอีก แม้กระแส น.ส.ยิ่งลักษณ์ดี พรรคติดลมบนแล้ว แต่ก็ต้องระวังไม่ให้ใครตัดเชือกลงมาด้วย ลอยลมบนอย่างนี้ไปเรื่อยๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถามว่าจะสู้กับหลายพรรคที่มีการอัดกระสุนในช่วงโค้งสุดท้ายหรือคืนหมาหอนอย่างไร นายกิตติศักดิ์กล่าวว่า ขอบคุณที่ถาม จะได้บอก เผื่อกระเป๋าจะได้ยินบ้าง หากเขาหอนเราก็อาจต้องหอนไป อัดมาก็ต้องอาจอัดคืนไปบ้าง
นายกิตติศักดิ์ กล่าวต่อว่า พรรคได้ประเมินว่าในภาคอีสานน่าจะได้รับเลือกตั้งเข้ามา 103 เขต จาก 126 เขต และน่าจะได้ ส.ส.ยกหลายจังหวัดหลายพื้นที่ อาทิ จ.หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร และจังหวัดอื่นๆในอีสานเหนือ ส่วนจังหวัดที่ยังต้องต่อสู้อย่างหนัก ตอนนี้มีเพียง จ.บุรีรัมย์ นครราชสีมา ยโสธร อำนาจเจริญ แต่เราก็มีแผนงานเตรียมไว้หมดแล้ว ซึ่งยังบอกไม่ได้ โดยเฉพาะ จ.บุรีรัมย์ อาจต้องลงพื้นที่โค้งสุดท้ายพร้อมทั้งรุกให้หนัก และคาดว่าน่าจะได้ผล โดยเชื่อว่าจะแบ่ง ส.ส. มายังพรรคเพื่อไทยได้ประมาณ 3-4 คนแน่นอน เช่นเดียวกับ จ.นครราชสีมา ก็น่าจะได้ ส.ส. 7 คน จาก 15 คนเช่นกัน แต่ทั้งหมดต้องนำไปหารือ เพื่อปรับวิธีในการเลือกตั้งช่วงโค้งสุดท้ายอีกครั้ง
ทักษิณสั่งอุดรแพ้ไม่ได้
นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร กล่าวว่า นายหรือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โทรศัพท์มาหาตน พร้อมทั้งแสดงความเป็นห่วงการเลือกตั้งในจ.อุดรธานี และขอให้ช่วยดูแลผู้สมัครส.ส.3 เขต ประกอบด้วยเขต3,6,8 คาดว่าที่นายต้องการให้ดูแลเขต 3 ที่มี นายอนันต์ ศรีพันธ์ จากพรรคเพื่อไทย ที่ต้องแข่งกับ นายหรั่ง ธุระพล จากพรรคภูมิใจไทย เขต6 นายเกียรติอุดม เมนะสวัสดิ์ ที่ต้องแข่งกับ นายอุทัย แสนแก้ว พรรคภูมิใจไทย เพราะมีการใช้เกมใต้ดินเยอะ ส่วนเขต8คือ นายเกรียงศักดิ์ ฝ้ายสีงาม ต้องแข่งกับนายโชคสมาน สีลาวงษ์ จากประชาธิปัตย์ อดีตรมช.คมนาคม ซึ่งทำพื้นที่ดีมาก โดยทั้ง3เขต พรรคเพื่อไทย ต้องออกแรงเยอะหน่อยเพราะเวลานี้มีวิชามารจากคู่ต่อสู้เยอะมากทั้งอิทธิพลและอำนาจใต้ดิน แต่ก็ยังมั่นใจว่ากระแสของนส.ยิ่งลักษณ์ บวกกับนโยบายพรรคเพื่อไทย จะได้ส.ส.ยกจังหวัดแน่นอน
นอกจากนี้ ทราบข้อมูลว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ต้องการชนะในเขตเลือกตั้งที่4 ให้ได้ โดยส่งนายไชยยศ จิรเมธากร ลงแข่งขันกับ นายขจิต ชัยนิคม จากพรรคเพื่อไทย ซึ่งเขตดังกล่าวทราบมาว่าเขตนี้มีการสนับสนุนปัจจัยจำนวนมากและมีการยิงมาแล้วถึง3รอบ โดยนายสุเทพ หวังว่าจ.อุดรธานี ที่ถือเป็นเมืองหลวงของคนเสื้อแดง ขอชนะให้ได้แค่เขตเดียว ก็จะถือว่าเป็นการตบหน้าพ.ต.ท.ทักษิณและคนเสื้อแดงได้แล้ว ในเขตนี้จึงมีการโหมกันเต็มที่
“ต้องยอมรับว่า วันนี้ผู้สมัครส.ส.เพื่อไทย หลายเขต ที่มั่นใจว่าจะชนะแน่ๆเลยทำให้ขี้เกียจลงพื้นที่และยังไม่ทันชนะเลือกตั้งแต่ก็ทอนเงินกันแล้ว ผมอุตส่าห์ไม่ลงสมัครส.ส.ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้ แต่บางคนไม่ทำอะไรเลย รอแต่กระแสอย่างเดียว ถึงได้บอกอยากให้ผู้สมัครส.ส.เช้าไปเดินตลาด บ่ายเคาะประตูบ้าน เย็นไปปราศรัย ไม่ใช่รอแต่กระแสอย่างเดียว เราต้องเอากระแสเปลี่ยนเป็นคะแนนด้วย ซึ่งที่ผ่านมาผมสร้างกระแสเสื้อแดงให้แล้ว” นายขวัญชัย กล่าว
ปปช.ชี้ปชช.พร้อมรับเงิน
นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เปิดเผยในการสัมมนาสร้างเครือข่ายผู้ดำเนินการด้านสื่อสร้างสังคมโปร่งใส เพื่อสร้างเครือข่ายสื่อภาคเหนือร่วมป้องกันการทุจริตคอรัปชั่น ที่ จ.เชียงใหม่ว่า สื่อมวลชนมีความใกล้ชิดกับประชาชนจึงต้องการให้สื่อมวลชนนำข้อมูลข่าวสารไปเผยแพร่และปลูกจิตสำนึกของประชาชนให้เกิดความรู้สึกว่าการทุจริตคอรัปชั่นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะขณะนี้โพลล์ที่ออกมาระบุความเห็นประชาชนว่า รัฐบาลคอรัปชั่นได้แต่ขอให้ตัวเองอยู่ดีกินดี อีกโพลล์ยังบอกด้วยว่าประชาชนร้อยละ 62 ยินดีจะขายสิทธิ์ขายเสียงในการเลือกตั้ง ถือว่าอันตรายมาก จึงจำเป็นต้องปรับทัศนคติของประชาชน ให้ประชาชนร่วมมือกันไม่รับการทุจริต ไม่รับคนที่ไม่ดี ไม่รับคนที่ร่ำรวยจากการทำธุรกิจโดยมิชอบ สื่อมวลชนเท่านั้นที่สามารถเผยแพร่และสร้างเครือข่ายประชาชนได้
วันเดียวกันนี้ ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. ให้สัมภาษณ์กรณีคณะสังเกตการณ์การเลือกตั้งในนามเครือข่ายเอเชียเพื่อการเลือกตั้งเสรี (อันเฟรล : ANFREL) เป็นห่วงการวางตัวไม่เป็นการของข้าราชการว่า คำเตือนของอันเฟรลไม่ได้บอกว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐจะทุจริตมโหฬาร ทุกประเทศที่อันเฟรลไปก็ต้องมีการเตือน ทั้งนี้ มีกฎหมายกำหนดไว้ชัดเจนตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว.มาตรา 57 ระบุให้เจ้าหน้าที่ของรัฐวางตัวเป็นกลางทางการเมือง หากเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการใดโดยมิชอบ เพื่อเป็นคุณเป็นโทษแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด ก็จะมีบทกำหนดโทษตามกฎหมาย และถ้า กกต.พบว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐวางตัวไม่เป็นกลาง กกต.ก็มีอำนาจแจ้งเตือนและขอให้ย้ายออกนอกพื้นที่ได้
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1404 ครั้ง