“สุวิทย์” รุดตรวจสอบการจับกุม 3 สายลับเขมร-เวียดนาม-ไทยมุสลิม ลักลอบสำรวจพิกัดโจรกรรมข้อมูลฐานที่ตั้งทหารไทยตามแนวชายแดน ที่บ้านภูมิซรอล อ.กันทรลักษ์ ศรีสะเกษ กำชับ ตร.ดำเนินคดีตาม กม.เต็มที่ ชี้ หลักฐานแผนที่ทหาร พร้อมจดหมายเลขพิกัด 10 หลักมัดแน่นเป็นสปายลอบหาข้อมูลความมั่นคงไทยชัดเจน ส่วนกงสุลเขมรสระแก้ว ดอดเยี่ยม 3 ผู้ต้องหา ด้าน ตร.นำ 3 ผู้ต้องหาฝากขังกับศาลแล้ว
วันที่ 9 มิ.ย.พ.ต.อ.สมพจน์ ขอมปรางค์ ผกก.สภ.กันทรลักษ์ และ พ.อ.ธนศักดิ์ มิตรภานนท์ ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ และคณะนายทหารสังกัดกองกำลังสุรนารี ได้ร่วมกันจับกุม 3 สายลับกัมพูชา-เวียดนาม ประกอบด้วย นายสุชาติ มูฮำหมัด อายุ 32 ปี สัญชาติไทย เชื้อชาติไทย ศาสนาอิสลาม, นายอึ้ง กิมไทย อายุ 43 ปี สัญชาติกัมพูชา เชื้อชาติกัมพูชา ศาสนาพุทธ และนายเหวียง เติ้งยัง อายุ 37 ปี สัญชาติเวียดนาม เชื้อสายเวียดนาม ศาสนาพุทธซึ่งลักลอบเข้ามาสำรวจพิกัดโจรกรรมข้อมูลฐานตั้งทางทหารตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โดยตำรวจได้ตั้งข้อหาดำเนินคดีทั้ง 3 คน ร่วมกันกระทำการใดๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งความลับสำหรับความปลอดภัยของประเทศ เสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย เป็นผู้ขับขี่เสพยาเสพติดให้โทษ (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย
เวลา 15.00 น.นายแมน วันนา กงสุลใหญ่กัมพูชา ประจำจังหวัดสระแก้วและ นายวันชัย เพชรมาก เลขานุการกงสุลใหญ่กัมพูชาได้มาเยี่ยม 3 ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม ซึ่ง พ.ต.อ.สมพจน์ ขอมปรางค์ ผกก.สภ.กันทรลักษ์ ได้อนุญาตให้เยี่ยมได้ และใช้เวลาในการเยี่ยมผู้ต้องหาประมาณ 10 นาที คณะของกงสุลใหญ่กัมพูชาจึงได้เดินทางกลับ
นายวันชัย เพชรมาก เลขากงสุลใหญ่กัมพูชา กล่าวว่า การมาเยี่ยมในครั้งนี้ เป็นการทำตามระเบียบของกงสุลใหญ่ กัมพูชา เมื่อทราบข่าวว่า ชาวกัมพูชาถูกจับกุมก็ต้องมาเยี่ยมดูแลและหาทางช่วยเหลือตามแนวทางของกฎหมาย แต่อย่างไรก็ตาม การดำเนินคดีต้องเป็นไปตามกฎหมายของประเทศไทย ตามพยานหลักฐานข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอยู่แล้ว
เวลา 15.20 น.วันเดียวกัน นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะ ได้เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์มายังบริเวณสนามหน้า สภ.กันทรลักษ์ จากนั้น ได้เข้าไปประชุมร่วมกับ นายเพิ่มศักดิ์ ฉวีรักษ์ นายอำเภอกันทรลักษ์ พ.ต.อ.สมพจน์ ขอมปรางค์ ผกก.สภ.กันทรลักษ์ และ พ.อ.ธนศักดิ์ มิตรภานนท์ ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เพื่อรับทราบข้อมูลต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด
จากนั้น นายสุวิทย์ และคณะ ได้นำผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ไปสอบสวนเพิ่มเติมที่ห้องประชุม สภ.กันทรลักษ์
ทั้งนี้ พ.ต.อ.สมพจน์ ขอมปรางค์ ผกก.สภ.กันทรลักษ์ ได้สรุปรายงานการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 3 คนให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ทราบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ได้ทำการสอดแนมฐานที่ตั้งทางทหารไทยตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาที่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ตลอดจนสำรวจหลุมบังเกอร์ของชาวบ้านที่ทางราชการทหารได้จัดทำไว้ให้ชาวบ้านได้ใช้เพื่อหลบภัยสงคราม ซึ่งจากการตรวจค้นผู้ต้องหาทั้ง 3 คนพบ แผนที่ทางทหารของประเทศกัมพูชา และแผนที่ประเทศไทย และพบหลักฐานการจดข้อความพิกัด หมายเลข 10 หลัก และเครื่องมือสื่อสารเป็นโทรศัพท์มือถือ จำนวน 4 เครื่อง
นอกจากนี้ จากการตรวจปัสสาวะของผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ผลจากการตรวจสอบพบสารเสพติดประเภทแอมเฟตามีนเจือปนในปัสสาวะของนายสุชาติ และ นายอึ้ง ซึ่งยอมรับสารภาพว่าได้เสพยาบ้ามาก่อนจริง จึงได้ตั้งข้อหาว่า ร่วมกันกระทำการใดๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งความลับสำหรับความปลอดภัยของประเทศ เสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย เป็นผู้ขับขี่เสพยาเสพติดให้โทษ (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ตนได้มาตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับการจับกุม 3 ผู้ต้องหาที่ต้องสงสัยว่า เป็นสายลับเข้ามาหาข้อมูลทางด้านความมั่นคงของไทย ซึ่งได้กำชับให้ ตำรวจ และทหาร รวมทั้งเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ได้ร่วมกันป้องกันปราบปรามการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ซึ่งเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์พนมดงรัก สามารถจับกุมชาวกัมพูชาจำนวน 2 คน ที่แอบลักลอบเข้ามาตัดไม้พะยูงในเขตแดนของประเทศไทย
และเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ตำรวจ และทหารได้จับกุม 3 ผู้ต้องหาที่ต้องสงสัยว่า เป็นสายลับของกัมพูชาและเวียดนามเข้ามาหาข้อมูลที่ตั้งทางทหารในเขตแดนไทยที่บ้านภูมิซรอล ดังกล่าว ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ข้อมูลตัวเลข 10 หลักนั้น เป็นข้อมูลตัวเลขที่ประชาชนทั่วไปไม่ใช้แต่อย่างใด แต่ว่าเป็นการแสดงพิกัดทางทหารที่ชัดเจน และแผนที่ที่มีอยู่ในตัวของผู้ต้องหาก็เป็นแผนที่ทางการทหารอยู่แล้ว ซึ่งตนได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ ตำรวจ ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง 3 รายตามกฎหมายอย่างเต็มที่ต่อไป
นายสุวิทย์ กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ไม่อยากให้กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา ดังนั้น จึงได้ไห้เจ้าหน้าที่ ตำรวจรวมทั้งฝ่ายความมั่นคงทุกส่วนได้ร่วมกันตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียด ซึ่งการจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ของไทย กระทำการตามกฎหมาย ซึ่งขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานต่าง ๆ และหลักฐานที่ทาง ตำรวจและทหารยึดมาได้นั้นเป็นการชัดเจนแล้วว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนเข้ามาในเขตพื้นที่บริเวณดังกล่าวเพื่อเหตุใด อีกทั้งแผนที่ทั้ง 2 ฉบับนั้น เป็นแผนที่ทางการทหารที่คนปกติทั่วไปไม่ใช้กันอยู่แล้ว และขณะนี้รัฐบาลกัมพูชายังไม่ได้ติดต่อเข้ามาเพื่อให้การช่วยเหลือ 3 ผู้ต้องหาแต่อย่างใด
ต่อมา พ.ต.ท.ประยุทธ ทับทิมไสย์ รองผกก.(สส.) สภ.กันทรลักษ์และ พ.ต.ต.สังวร วันทะวี พงส.(สบ2) ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คนไปฝากขังที่ศาลจังหวัดกันทรลักษ์ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1839 ครั้ง