ทั้งนี้เมื่อที่ดินบริเวณต่างๆ ข้างต้นมีราคาประเมินสูงขึ้น จึงมีคำเสนอซื้อและคำเสนอขายเกิดขึ้น ซึ่งได้ถูกจดทะเบียนการซื้อขายที่กรมที่ดิน ทำให้สามารถนำมาเป็นราคาประเมินอ้างอิง ที่จะกำหนดขึ้นใหม่ได้
“ที่ผ่านมาราคาที่ดินทั้งสามย่านดังกล่าว เรียกได้ว่าไม่มีการขยับราคาประเมินเลย เนื่องจากไม่มีการซื้อขายที่ดินในบริเวณดังกล่าวในระยะที่ผ่านมาเกือบ 8 ปี จึงไม่สามารถหาราคาอ้างอิงใหม่ได้ ทำให้ต้องใช้ราคาประเมินเดิมต่อไป แต่เมื่อเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว จึงเริ่มมีคำเสนอซื้อ ที่จูงใจเจ้าของที่ดินบริเวณดังกล่าว ทำให้มีการตกลงซื้อขายกันในที่สุด” แหล่งข่าวกล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ราคาที่ดินบริเวณถนนเยาวราช ซึ่งเป็นไชน่าทาวน์ของเมืองไทย ขยับจาก 4.5 แสนบาทต่อตารางวา เป็น 7 แสนบาท ราคาที่ดินบนถนนสีลม ได้ขยับจาก 6 แสนบาทต่อตารางวา เป็น 7 แสนบาทต่อตารางวา และราคาที่ดินบนถนนเพลินจิต ปรับจาก 4 แสนบาท เป็น 7 แสนบาทต่อตารางวา
อย่างไรก็ตาม ที่ดินบางแปลงย่านดังกล่าว เช่น บนถนนเพลินจิต มีข่าวว่าราคาต่อตารางวาอาจสูงถึง 1 ล้านบาท ซึ่งก็ยังไม่มีการยืนยัน แต่หากเป็นไปตามข่าวดังกล่าว ก็ถือเป็นเพียงแปลงเดียว ไม่สามารถนำมาใช้อ้างอิงเป็นราคาประเมินในภาพรวมของย่านดังกล่าวได้
ทั้งนี้ กรมธนารักษ์กำลังอยู่ในระหว่างจัดทำราคาประเมินที่ดินรอบใหม่ โดยเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2555 ถึง 1 ม.ค.2558 ซึ่งราคาประเมินในเขตกรุงเทพฯ ครั้งนี้ ส่วนหนึ่งได้รับอิทธิพลจากการขยายตัวของแนวรถไฟฟ้า โดยที่ดินตามแนวรถไฟฟ้าได้ปรับราคาสูงขึ้นกว่าการประเมินราคารอบที่แล้ว ประมาณ 50% ขณะเดียวกันราคาที่ดินบริเวณแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญก็ปรับขึ้นเช่นกัน
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 2435 ครั้ง