นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง ภาพรวมของการรณรงค์หาเลือกตั้งที่เดินมาครึ่งทางว่า จนถึงขณะนี้เดินมาได้ครึ่งทาง และหลังจากนี้อาจจะยังมีเหตุที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงคะแนนเสียงได้ ขึ้นกับการกำหนดยุทธศาสตร์หาเสียงของแต่ละพรรคในส่วนของพรรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่า เราจะไม่เปลี่ยนยุทธศาสตร์ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง และตนมีความหวังเต็มเปี่ยมว่า พรรคประชาธิปัตย์จะได้รับชัยชนะในการหาเสียงเลือกตั้ง ส่วนเรื่อง ที่พรรคเพื่อไทยระบุว่าจะได้ ส.ส. 270 ที่นั่งนั้น เป็นการปั่นกระแส ซึ่งมีการสั่งการมาโดยตลอดว่า ให้พยายามพูดจาแสดงให้เห็นว่า พรรคเขาจะชนะท่วมท้นประชาชนจะได้ความเข้าใจเช่นนั้น ซึ่งเป็นการสร้างความเชื่อทางจิตวิทยาและก็จะมีคนจำนวนหนึ่งที่อยากจะเลือกคนชนะ ก็จะแห่ไปเลือกพรรคเขา ซึ่งเป็นยุทธวิธี เป็นการปฏิบัติการในเชิงการตลาดเท่านั้น แต่ตนคิดว่า วิธีนี้ ไม่น่าจะใช้ได้ผลในการเลือกตั้งคราวนี้ เพราะก่อนที่จะวันเลือกตั้ง เราได้ผ่านเวลากันมาหลายปี
อภิสิทธิ์เปลี่ยนแนวโต้แดงแทนอธิบาย
ก่อนหน้านี้ วันที่ 12 มิ.ย.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชิปัตย์ ได้ลงพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครเพื่อช่วยผู้สมัครหาเสียง โดยจุดแรกนายอภิสิทธิ์ได้ลงพื้นที่บริเวณตลาดเจริญลาภ และตลาดสดเทศบาลเมืองกระทุ่มแบน เพื่อช่วยนาวาตรีสุธรรม ระหงษ์ ผู้สมัครส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ หาเสียงโดยเมื่อเดินเข้าไปในตลาดบรรดาพ่อค้าแม่ค้า ซึ่งพ่อค้่าและแม่ค้าต่างส่งเสียงกรี๊ดกร๊าด ชูป้ายสนับสนุน มอบดอกกุหลาบ ขอหอมแก้ม ถ่ายรูปอย่างคึกคัก
อย่างไรก็ตามเมื่อนายภิสิทธิ์และคณะเดินมาเกือบถึงท้ายตลาด ได้มีกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 20 คน สวมทั้งเสื้อสีแดง และสีต่างๆชูป้าย “นายกฯดีแต่กู้ – 2 ปี เป็นนายกฯจนว่ะ – ดีแต่พูด – ไข่ชั่งกิโล ” พร้อมตะโกนสู้กับกลุ่มที่สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ที่ยืนรอกว่า 100 คน ตะโกนนายกฯสู้ๆ ประชาธิปัตย์เบอร์ 10 และส่งเสียงโห่กลับไป
แต่ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าทั้งกลุ่มผู้สนับสนุนและกลุ่มคนเสื้อแดงนั้นเป็นบรรดาพ่อค้าแม่ค้าในตลาดสดเทศบาลกระทุ่มแบนที่ต่างก็รู้จักมักคุ้นกันเอง จึงไร้เหตุปะทะหรือมีความรุนแรงเกิดขึ้น โดยทั้งสองฝ่ายผลัดกันส่งเสียงเชียร์และต่อต้านกันเป็นระยะๆ พร้อมทั้งมีความพยายามนำป้ายของฝ่ายสนับสนุนมาบังป้ายของกลุ่มต่อต้านด้วย จนนายอภิสิทธิ์เดินมาถึงจุดดังกล่าวก็ได้เหลือบมองพร้อมส่งยิ้มให้
จากนั้น นายอภิสิทธิ์ ได้ขึ้นบนเก้าอี้หน้าร้านทองดังกล่าว เพื่อปราศรัยย่อยโดยหันหน้ามาทางกลุ่มต่อต้าน พร้อมกล่าวทันทีว่า 2 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ตนเป็นนายกฯ ทราบว่าการทำงานนั้นไม่ง่าย เจอหลายปัญหาหลายอย่าง โดยเฉพาะวิกฤติเศรษฐกิจโลก ความไม่สงบต่างๆ แต่พรรคประชาธิปัตย์และประชาชนพยายามเดินหน้าฟันฝ่าปัญหาต่างๆมาด้วยกัน และยืนยันว่าได้เดินหน้าตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน ไม่ว่าจะเรื่องเรียนฟรี เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
ด่าแดงไร้ญาติ
จากนั้นนายอภิสิทธิ์หันหน้าไปพูดใส่กลุ่มคนเสื้อแดงที่ปักหลักชูป้าย “ดีแต่พูด”และป้ายต่อต้านต่างๆทันทีว่า “สำหรับพี่ผู้ชายที่มายกป้ายดีแต่พูด ผมเข้าใจว่า คงไม่มีลูกจึงไม่ได้เรียนฟรี” ซึ่งเมื่อนายอภิสิทธิ์พูดถึงตรงนี้ กลุ่มกองเชียร์พรรคประชาธิปัตย์ที่มีมากกว่า 100 คน ก็ได้ส่งเสียงโห่ทันที และส่งเสียงโห่เป็นระยะ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อทันทีอย่างฮึกเหิมว่า “มีคุณพ่อ คุณแม่ คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยายหรือเปล่า เพราะรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ให้เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุครบถ้วนทุกคนแล้ว แล้วพี่เขาก็คงไม่มีญาติอยู่ต่างจังหวัดไม่ทราบว่าเกษตรกรทั่วประเทศมีโอกาสได้เงินส่วนต่างจากรัฐบาลในโครงการประกันรายได้เกษตรกรเป็นครั้งแรกจนปลดหนี้ไปได้จำนวนมากแล้ว พี่เขาคงไม่รู้จักคนเป็นหนี้นอกระบบ ซึ่งมาขึ้นทะเบียนปรับโครงสร้างหนี้จนกระทั่งปลดหนีได้ 4 แสนคนทั่วประเทศ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างที่นายอภิสิทธิ์ปราศรัยตอบโต้กลุ่มคนเสื้อแดงอยู่นั้น ทางกลุ่มต่อต้านซึ่งเป็นพ่อลูก 2 คนได้ตะโกนโต้ทันทีในเรื่องการเรียนฟรีว่า “ลูกผมเรียนตอนนี้ยังต้องเสียเงินอยู่ ไม่เชื่อไปดูที่โรงเรียนได้” และมีแม่ค้าขายขนมหวานอีกรายตะโกนสวนทันทีเช่นกันว่า “ขี้โม้ ขี้โม้ ดีแต่พูดจริงๆ” พร้อมกับระบุว่าเบื่อที่จะฟังไปทำมาหากินดีกว่า
อย่างไรก็ตาม ได้มีชายวัยกลางคนที่อยู่ในกลุ่มต่อต้านนายอภิสิทธิ์ได้บอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า พวกตนไม่ได้มาขัดขวาง หรือต้องการมาก่อกวน หรือสร้างความขัดแย้งใดๆ พวกเราขอแค่มาแสดงออกทางประชาธิปไตยเท่านี้ เพราะของแพง ปัญหาก็มีมาก แต่รัฐบาลกลับไม่ทำอะไรเลย แถมยังมาหาเสียงโกหกชาวบ้านเขาอีก พูดอย่างไรพวกเราก็ไม่เชื่อ”
จากนั้นนายอภิสิทธิ์ก็ปราศรัยถึงการทำงานที่ผ่านมาในฐานะรัฐบาล และการดำเนินโครงการต่างๆ โดยระบุว่าในวันที่เข้าไปเป็นนายกฯเศรษฐกิจตกต่ำ ส่งออก การท่องเที่ยว ติดลบ ประเทศตกอยู่ในภาวะอันตราย แต่วันนี้สามารถก้าวพ้นปัญหาต่างๆ ทำให้เศรษฐกิจมั่นคง นักท่องเที่ยวมากในประวัติการ ส่งออกสูงสุด ฐานะการเงินการคลังประเทศมีความเข้มแข็ง ขอให้ทุกคนอุ่นใจได้
“ที่ผ่าานมาถึงขนาดที่เวทีเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) ซึ่งเป็นองค์กรเศรษฐกิจทางธุรกิจขนาดใหญ่เชื่อมั่นประเทศไทย โดยในปีหน้าจะให้ไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมเศรษฐกิจโลกว่าด้วยเอเชียตะวันออกซึ่งถือเป็นประวัติศาสตร์ ที่ชาวโลกในประเทศต่างๆมีความเชื่อมั่นคนไทย แต่วันนี้ยังมีความเดือดร้อนเรื่องสินค้าแพง ราคาน้ำมันถีบตัวสูงขึ้น ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์กำลังเดินหน้าแก้ปัญหา และหากได้เข้ามาเป็นรัฐบาลก็จะสานงานต่อทันทีเดยไม่ต้องมานับ 1 ใหม่ ” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
จากนั้นในเวลา 10.50 น. นายอภิสิทธิ์ พร้อมผู้สมัครนาวาตรีสุธรรมเดินทางมายังหมู่บ้านสิวารัตน์ 3 ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน ซึ่งเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่และได้ขึ้นรถแห่หาเสียงในหมู่บ้าน โดยมีประชาชนให้ความสนใจออกจากบ้านมายืนดูโบกมือตะโกนเบอร์ 10 และนำดอกไม้ให้กำลังใจ
อย่างไรก็ตามระหว่างขบวนรถแห่ได้มีวัยรุ่นคนหนึ่งขี่รถมอเตอร์ไซโบกธงสีแดงขับวนเวียนป่วน แต่ทั้งนี้ทุกจุดไม่มีเหตุรุนแรงอะไร
ทั้งนี้เมื่อขบวนรถแห่วนกลับจะเดินทางออกจากหมู่บ้านได้มีหญิงชราอายุ 82 ปี เดินช้าๆมีไม้เท้าค้ำพยายามเดินตามขบวนแห่ และเมื่อนายอภิสิทธิ์หันหลังมาเห็นก็ให้จอดรถและได้ลงจากรถมาหาคุณยายคนดังกล่าว และให้ประชาชนที่มารุมล้อมได้ถ่ายรูปด้วย และจากนั้นจึงขึ้นกลับไปบนรถแห่ โดยมีประชาชนขี่มอเตอร์ไซและจักรยานตามขบวนแห่เป็นพรวน และบางคันใจดีให้ช่างภาพของสื่อแต่ละสำนักนั่งซ้อนเพื่อทำข่าวด้วย
ต่อมาในเวลา 11.20 น. นายอภิสิทธิ์ ขึ้นรถขบวนแห่เข้าไปหาเสียงต่อยังตลาดเก้าแสน ในต.อ้อมน้อยเพื่อขอคะแนน ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาไม่แรงมากนัก และยังไม่วายเจอกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 5 คน ที่ปักหลักอยู่บริเวณหน้าร้านขายเครื่องไฟฟ้า จากนั้นนายอภิสิทธิ์ได้ขึ้นรถขบวนแห่ต่อไปยัง ม.พงษ์ศิริชัย ในต.อ้อมน้อยเพื่อขอคะแนนเสียง โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาทีโดยได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น และก่อนออกจากหมู่บ้านได้มีเจ้าของร้านสะดวกซื้อนำโค้กมามอบให้ และเจ้าของร้อนข้าวเหนียวปิ้งนำผลิตภัณฑ์ของร้านมามอบให้ 1 ถุง
จากนั้นเวลา 12.15 น. นายอภิสิทธิ์นั่งรถแห่มายังด้านหน้าตลาดสินสมบูรณ์ ต.อ้อมน้อย ก็มีชาวบ้านมามุงดูและมีผู้สนับสนุนนำดอกไม้มามอบให้กำลังใจด้วย
ปชป.ชี้พท.ทำปชช.เข้าใจผิด
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า พรรคเพื่อไทยสร้างความสับสนให้กับการปองดอง โดยเฉพาะการที่นางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมหากได้เป็นรัฐบาล ยิ่งตอกย้ำว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะได้รับอานิสงค์นี้ ถือเป็นการฉวยโอกาสประชาชน ที่ต้องการความปองดอง
ในทางกลับกัน หากคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่รับโทษจากการกระทำผิด บ้านเมืองจะสงบได้อย่างไร โดยเฉพาะบทสัมภาษณ์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ในสื่อต่างชาติ ได้สร้างความวิตกกังวลให้กับประชาคมโลก หากเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาล อาจเกิดความวุ่นวายซ้ำรอยอย่างที่เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลสมัคร และรัฐบาลสมชายก็ได้
“ตอนที่นางยิ่งลักษณ์ ลงพื้นที่ช่วยนายชัยสิทธิ์ ชินวัตร หาเสียง และได้กล่าวว่า กฎหมายนิรโทษกรรม ต้องให้ประชาชนตัดสิน ยิ่งตอกย้ำว่า ผูกวาระของครอบครัวชินวัตรให้เข้ากับวาระของประเทศ ” นพ.บุรณัชย์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในเรื่องนี้ หากพรรคใดจะร่วมแสดงความเห็น ทางประชาธิปัตย์ก็ยินดี เนื่องจากประชาชน มีสิทธิ์ได้รับรายละเอียดในเรื่องราว
ยันไม่มีมือพิเศษช่วยตั้งรบ.มีแต่มือปชช.
นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ที่จ.สมุทรสาคร ถึงกล่าวกรณีพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ให้มาคุยเรื่องปรองดองหลังการเลือกตั้งว่า ตนยังไม่ค่อยแน่ใจว่าพล.ต.สนั่นหมายถึงอะไรอย่างไร แต่คิดว่าถ้าอยากจะคุยจริงๆ ก็ไม่จำเป็นต้องรอหลังการเลือกตั้ง
เมื่อถามว่าจะส่งเทียบเชิญไปยังทุกพรรคการเมืองหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะลองหารือกันเป็นการภายในกับหลายๆฝ่ายก่อน ว่าพร้อมกันแค่ไหน ส่วนที่พล.ต.สนั่นบอกว่าคนไทยจะให้อภัยเรื่องนิรโทษกรรมเพราะคิดว่าคนไทยให้อภัยได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าเรื่องการให้อภัยเป็นเรื่องที่อยู่ในใจของคนไทย แต่คิดว่าการให้อภัยจะเกิดขึ้นจากคนที่สำนึกผิด ถ้ายอมรับผิดและสำนึกผิดก็จะเป็นเรื่องของการให้อภัย ตนว่าอันนั้นเป็นเรื่องปกติในสังคม
เมื่อถามว่าถ้าเขายังไม่มาถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่มีการนิรโทษกรรมแล้วขอการให้อภัยจากประชาชนแบบประชามติ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การนิรโทษกรรมมันคงไม่ใช่เรื่องอภัย เพราะเรื่องอภัยต้องอภัยโทษ
“หลักของการให้อภัยก็คือถ้าเป็นกรณีอย่างนี้ต้องเป็นเรื่องของการอภัยโทษ ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับผิดหรือว่าได้รับการลงโทษ ” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามย้ำว่าเขาคงจะใช้แนวทางขอประชามติจากประชาชนเพื่อให้เกิดการนิรโทษกรรม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าวันที่ 3 ก.ค. ประชาชนจะต้องตัดสินใจว่าจะให้ประเทศชาติเสียเวลากับเรื่องแบบนี้ที่จะกลายเป็นประเด็นใหญ่ ต้องมีการประชามติทั้งประเทศเพื่อดูว่าจะสามารถล้างความผิดให้กับคน ในขณะที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลใหม่เข้ามาแก้ปัญหาอื่นๆที่อยู่ในใจของเขามากกว่า เช่น ปัญหาเศรษฐกิจ
เมื่อถามว่าทักษิณบอกว่าจะเข้าประเทศในเดือนพ.ย.เพื่อให้กระบวนการล้างความผิดเสร็จสิ้นก่อนหรือไม่ ถึงวางแผนไว้แบบนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงจะเป็นแบบนั้น เพราะปกติสามารถกลับมาได้อยู่แล้ว ถ้าพร้อมกลับมารับโทษ
เมื่อถามถึงเสียงวิจารณ์ว่ามีเรื่องของมือพิเศษ หรือมือที่มองไม่เห็นมาช่วยในการตั้งรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่เห็นมี เห็นเมื่อเช้าก็ไม่มีใครติดใจอะไร มีการพูดคุยกันในส่วนของสองพรรคที่มีการติดต่อกัน อย่างไรก็ตามยืนยันว่าไม่มีมือพิเศษ มีแต่มือของประชาชนที่ต้องเลือกในวันที่ 3 ก.ค.เลือกว่าจะเดินหน้าประเทศไทยเพื่อให้รัฐบาลเดินหน้าแก้ปัญหาของประชาชน หรือเลือกพรรคการเมืองที่สนใจเรื่องของปัญหานักการเมืองอย่างคุณทักษิณมากกว่า
เมื่อถามว่าพล.ต.สนั่นระบุว่าจะไม่ยอมให้ตั้งรัฐบาลในค่ายทหารอีกแล้ว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีหรอก รัฐบาลต้องตั้งในสภาอยู่แล้ว เมื่อถามว่าที่ผ่านมามีรัฐบาลไปตั้งในค่ายทหารตามที่พล.ต.สนั่นระบุหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวยืนยันว่า ไม่มี
“ผมเองผมก็จำได้ว่าก่อนที่จะมีเลือกนายกฯครั้งที่แล้ว ท่านก็คุยกับผมดี ไม่เห็นมีเรื่องอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง ” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามถึงโพลล์ยังระบุว่าพรรคเพื่อไทยนำพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ถึงโค้งสุดท้าย ยังเหลืออีกตั้ง 20 กว่าวัน ไม่มีปัญหา เมื่อถามว่ากรุงเทพโพลล์ระบุว่าปชป.ยังตามหลังเพื่อไทยในสนามกทม. นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “กรุงเทพโพลล์รู้สึกว่าโนโหวตนำนี่ครับ”
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 907 ครั้ง