ซาอุดิอาระเบียคาดว่าจะนำเข้าข้
าวสาลีราว 2 ล้านตันในปีนี้ซึ่งถือว่าไม่
เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับปีที่
แล้ว และหวังจะเพิ่มสำรองข้าวสาลีอี
กเท่าตัวมาอยู่ในระดับที่เพี
ยงพอต่อการบริโภคภายในได้ 1 ปีภายในปี 2014 รัฐมนตรรกะรทรวงเกษตรซาอุดิ
อาระเบียกล่าววานนี้ (อังคารที่ 14 มิถุนายน 2011)
ซาอุดิอาระเบียประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลกซึ่งกลายมาเป็นผู้ซื้อข้าวสาลีายใหญ่ต้องการสร้างสำรองสำหรับโภคภัณฑ์พื้นฐานต่างๆเช่น ข้าวสาลี ข้าว น้ำมันปรุงอาหาร และน้ำตาลเพื่อป้องกันตัวเองจากผลกระทบของการพุ่งขึ้นของราคาอาหารโลกและสนับสนุนประชากรที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วของประเทศ
ซาอุดิอาระเบียเริ่มการนำเข้าข้าวสาลีตั้งแต่ปี 2009 และกำลังมองไปถึงการพึ่งพาการนำเข้าข้าวสาลีเพื่อการบริโภคแบบ 100% ภายในปี 2016 เนื่องจากซาอุดิอาระเบียต้องการเก็บรักษาทรัพยากรน้ำอันมีค่าเอาไว้
“เราตั้งนโยบายว่า เราควรมีสำรองเอาไว้ 6 เดือนในช่วงเวลาใดๆก็ตาม ปีนี้เราตัดสินใจแล้วว่าเราจะเพิ่มเป็น 1 ปี” นายฟาฮัด บัลกูนาอิม (Fahad Balghunaim) กล่าวในระหว่างให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์วานนี้
ปัจจุบันซาอุดิอาระเบียมีสำรองข้าวสาลีราว 1.4 ล้านตันซึ่งเทียบเท่ากับ 6 เดือน และเล็งที่จะเพิ่มปริมาณสำรองอีกเท่าตัวภายในปี 2014 นายวาลีด เอลเคเรจี (Waleed el-khereiji) ผู้อำนวยการองค์การไซโลเมล็ดพืชและโรงโม่แป้ง หรือ GSFMO (Grains Silos and Flour Mills Organisation) กล่าวกับรอยเตอร์
ซาอุดิอาระเบียกำลังวางแผนที่จะยกเลิกการเพาะปลูปพืชที่ใช้มากชนิดอื่นๆด้วยซึ่งรวมถึงถั่วเหลืองและอาหารสัตว์
ที่ดินเพาะปลูกต่างประเทศ
ซาอุดิอาระเบียยังคงลงทุนในที่ดินเพาะปลูกในต่างประเทศต่อไปในฐานะส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ประเทศเพื่อสร้างความมั่นคงในด้านอุปทานอาหารและกำลังมองไปยังคาซัคสถาน รัสเซีย และยูเครนในฐานะที่เป็น “ประเทศที่เป็นไปได้ในการลงทุน” เพื่อทำการเพาะปลูก นายบัลกูนาอิมกล่าว
กลุ่มประเทศภูมิภาคอ่าวได้รับผลกระทบหนักเมื่อครั้งที่ราคาอาหารโลกถีบตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในปี 2008 ส่งผลให้ต้นทุนการนำเข้าอาหารพุ่งสูงตามไปด้วย
ปีที่แล้ว ซาอุดิอาระเบียได้ตั้งบริษัทขึ้นด้วยทุนประเดิม 800 ล้านดอลลาร์หรือราว 24,000 ล้านบาทเพื่อลงทุนในที่ดินเพาะปลูกในต่างประเทศ โดยจะมุ่งเน้นไปที่ข้าวสาลี ข้าว น้ำตาล และถั่วเหลือง
กองทุนเพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งซาอุดิอาระเบียที่ทางการซาอุฯเป็นเจ้าของนั้นกำลังให้การสนับสนุนทางการเงินแก่บริษัทต่างๆที่ไปลงทุนด้านการเกษตรในต่างประเทศไล่ตั้งแต่อินโดนีเซียไปจนถึงเอธิโอเปีย
ด้านกระทรวงเกษตรจะทำหน้าที่เป็น “ผู้เปิดประตู” ให้กับนักลงทุนภาคเอกชนของซาอุฯในต่างประเทศ นายบัลกูนาอิมกล่าว
นายบัลกูนาอิมกล่าวอีกว่า ซาอุดิอาระเบียซึ่งมีการลงทุนในแอฟริกาอยู่แล้ว มีความสนใจที่จะลงทุนในซูดานใต้แม้ว่าจะยังคงมีความตึงเครียดในบริเวณชายแดนที่ยังหาข้อยุติไม่ได้ระหว่างซูดานเหนือและใต้
ซูดานใต้จะได้รับเอกราชในวันที่ 9 กรกฎาคมนี้
บริษัทต่างๆเช่น National Agricultural Development ของซาอุดิอาระเบียหรือ Nadec และเจนาน (Jenaan) บริษัทเอกชนจากอาบูดาบีมีการลงทุนในที่ดินเพาะปลูกในซูดานเหนือ
“เจตจำนงยังคงอยู่ที่นั่น ทั้งเหนือและใต้” เขากล่าว
ที่มา ข่าว Real Time จากโปรแกรม Reuters 3000 Xtra
ไอดีข่าว nLDE75D1FP
แปลและเรียบเรียงโดย เบ๊นซ์ สุดตา ฝ่ายข่าวเศรษฐกิจและการเงินระหว่างประเทศ Mtoday