“พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์”มอบตัวสน.พญาไทปัดขับรถชน”หมอมุก” อ้างฝ่ายหญิงโมโหเข้าทุบรถ กระโดดใส่กระโปรงหน้าเอง ฝ่ายแม่ยันหมอไม่ได้โต้เถียง-เป็นไปไม่ได้กระโดดขึ้นฝากระโปรง
วันที่ 21 มิ.ย.เวลา 11.00 น.ที่สน.พญาไท พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น ผอ.กองกลางสำนักปลัดบัญชีทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ผู้ถูกกล่าวหาก่อเหตุขับรถชน พ.ต.พ.ญ.หทัยพร อิ่มวิทยา ได้เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน โดยมีนายทหารพระธรรมนูญ ร่วมรับฟังการสอบปากคำ เบื้องต้น พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นผู้ขับชน
พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์
ทั้งนี้ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ยอมรับว่า วันเวลาที่เกิดเหตุ ตนเอง ภรรยา ลูกสาว และเพื่อนลูกสาว ได้เข้าไปทานอาหารที่ร้านเสนาวิลล่า บริเวณที่เกิดเหตุจริง หลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จแล้วก็ออกมาที่รถ เพื่อจะเดินทางกลับ แต่เมื่อถึงรถยนต์ก็ถูกรถของ หมอมุก จอดขวางอยู่ ทำให้ไม่สามารถขยับรถได้ เพราะรถไม่ได้ใส่เกียร์ว่างไว้ ทำให้ลูกสาวโมโห ไปเขียนบนกระจกรถว่า “จอดรถไม่มีมารยาท” หลังจากนั้นหมอมุกเดินออกมา จึงมีการโต้เถียงกันเล็กน้อยเรื่องการจอดรถ
จากนั้น ตนจึงโทรไปที่ 191 เพื่อให้มาเคลียร์เหตุการณ์แต่โทรไม่ติด ทั้งนี้หลังจาก หมอมุกขยับรถแล้ว ตนนำรถออกมา หมอมุกได้ทุบรถของตน ตนจึงถ่ายทะเบียนรถหมอมุกไว้ แต่หมอมุกขวางรถไว้ หลังจากนั้นเมื่อตนจะขยับรถออก หมอมุกกระโดดขึ้นมาบนฝากระโปรงรถ พร้อมกับเกาะที่ปัดน้ำฝนและดึงติดมือไป ตนจึงตกใจและหยุดรถทันที และถอยหลังทำให้หมอมุกตกลงจากรถ ไม่ได้มีเจตนาจะไปชนซ้ำ
ภายหลังจากการสอบปากคำแล้ว พนักงานสอบสวน ได้ปล่อยตัวผู้ต้องหาโดยไม่ต้องประกันเนื่องจากว่า ผู้ต้องหาติดต่อขอเข้ามอบตัวเอง หลังจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะรอผลการตรวจพิสูจน์ หลักฐานบนตัวรถก่อน เพื่อดำเนินการต่อไป
เมื่อเวลา 12.00 น. พล.ต.ต. อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. พร้อมด้วยพล.ต.ต. วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 ได้เดินทางมาที่ สน.พญาไท เพื่อร่วมสอบปากคำ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์
เบื้องต้น พล.ต.ต. อำนวย เปิดเผยว่า ขณะนี้ จะต้องตรวจสอบดูพยานหลักฐานให้แน่ชัด ว่า พ.อ. ศักกดิ์สิทธิ์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับ คดีหรือไม่ ถ้าหากว่าไม่มีพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงไปถึง ก็ไม่สามารถแจ้งข้อหาได้ แต่หากมีพยานหลักฐานชัดเจนก็จะแจ้งข้อหาพยายามฆ่า ทั้งนี้ การปฏิบัติงานของตำรวจไม่ได้ล่าช้า ซึ่ง ขณะนี้ ขั้นตอนการตรวจพิสูจน์ก็รุดหน้าไปมาก คาดอีก 3 วันได้ข้อสรุป ทั้งนี้ จะต้องสอบปากคำแม่ของหมอมุกเพิ่มเติมในฐานะผู้เห็นเหตุการณ์
ก่อนหน้านี้ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 (ผบก.น.1) กล่าวว่า จะเดินทางไปควบคุมการสอบสวนคดีนี้อย่างใกล้ชิดและพร้อมให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายเพราะ ส่วนความจริงจะเป็นอย่างไรนั้นเป็นเรื่องที่ต้องตรวจพิสูจน์ตามกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้วไม่ต้องเป็นกังวลแต่อย่างใด
แม่ยันหมอไม่ได้โต้เถียง-เป็นไปไม่ได้กระโดดขึ้นฝากระโปรง
หมอมุกและมารดา
พญ.พรรณพร อิ่มวิทยา มารดา พ.ต.พ.ญ.หทัยพร หรือ หมอมุก กล่าวยืนยันว่า ในวันเกิดเหตุบุตรสาวไม่ได้ลงไปโต้เถียงกับคู่กรณีตามที่มีการให้การกับเจ้าหน้าที่และปรากฎเป็นข่าวแต่อย่างใด ซึ่งเมื่อคู่กรณีเข้ามอบตัวแล้วก็จะไม่ถือโทษโกรธกันแต่อย่างใดเพราะอายุก็มากแล้วและขอปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย
อย่างไรก็ตามวันนี้เป็นวันแรกที่ได้เข้ามาเยี่ยมลูกสาวถึงในห้องไอซียู รู้สึกดีใจที่ได้จับมือลูกและลูกตอบรับโดยการบีบมือตอบประกอบกับอาการไข้ก็ลดลงแล้วเหลือเพียง 37.5 องศา ทำให้รู้สึกมีความสุขมากๆ จะไม่เดินทางไปโรงพักเพราะต้องการจะอยู่กับลูกเนื่องจากคงมีความสุขมากกว่า
ด้านนางธัศนีย์ ทองปัน ผู้ช่วยพยาบาลโรงพยาบาลมงกุฎ เเผนกคลีนิคผู้สูงอายุ กล่าวในฐานะเพื่อนร่วมงานของหมอมุก ว่า เป็นไปไม่ได้ที่หมอมุกจะกระโดดขึ้นไปบนรถ ตามที่ผู้ถูกกล่าวหาก่อเหตุขับรถชน ให้การกับตำรวจ เนื่องจากหมอมุกมีน้ำหนักตัวเกือบ 90 กิโลกรัม จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะกระโดดขึ้นไป โดยอยากให้เจ้าหน้าที่ให้ความยุติธรรมในการดำเนินคดี
ทั้งนี้เมื่อเวลา 12.00 น. ศ.คลีนิก นพ.อำนาจ กุสลานันท์ นายกแพทยสภา พร้อมคณะเดินทางเข้าเยี่ยมอาการของ พ.ต.พญ.หทัยพร โดยได้เวลาพูดคุยกับ พญ.พรรณพร ผู้เป็นมารดา และ นพ.บุญโชติ เคียงกิติวรรณ แพทย์ศัลยกรรมประสาทซึ่งเป็นเจ้าของไข้ นานประมาณ 15 นาที จึงเดินทางกลับ
ศ.คลีนิก นพ.อำนาจ กล่าวว่า สำหรับมาตรการความช่วยเหลือทางคดีนั้น ทางแพทยสภาจะติดตามดำเนินการด้วยการทำหนังสือนำไปยื่นให้กับ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น. กองพิสูจน์หลักฐานไล่ลงมาจนถึงพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี จะมีการยื่นหนังสือและเดินทางไปพบด้วยตัวเองโดยจะทำทั้งสองอย่างเพื่อให้ทางตำรวจดูแลและให้ความเป็นธรรมกับหมอมุกอย่างเต็มที่ เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นทุกคนต่างก็รู้สึกว่าสมควรจะแสวงหาความเป็นธรรมให้แก่หมอมุกกับครอบครัว
อย่างไรก็ตาม ขอขอบคุณคณะแพทย์ พยาบาล ทั้งจาก รพ.พระมงกุฎเกล้า และ ศิริราชพยาบาล รวมถึงสื่อมวลชนที่ให้การช่วยเหลือประสานงานกันอย่างเต็มที่ต้องขอขอบพระคุณมา ณ ที่นี้ด้วย
แพทย์เผยหมอมุกอาการดีขึ้น
ด้าน นพ.บุญโชติ เคียงกิติวรรณ แพทย์ประจำโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เปิดเผยอาการล่าสุดของหมอมุก ว่า ความดันสมองขณะนี้อยู่ในเกณฑ์ปกติ และสามารถลดการให้ยาเพื่อลดอาการสมองบวมได้แล้ว ภาวะไข้ลดลง รวมถึงผู้ป่วยสามารถลืมตาและขยับตัวได้ ซึ่งเป็นสัญญาณถึงแนวโน้มอาการที่ดีขึ้น แต่ยังต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์จนกว่าจะผ่านภาวะวิกฤตสมองบวมให้ได้ก่อน จึงจะสามารถคาดการณ์อาการในอนาคตได้
หมอพรทิพย์ ชี้ 3 จุดพิรุธ ชนหรือเข้าหารถ
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เปิดเผยว่า ตามหลักการทางนิติวิทยาศาสตร์สามารถตรวจสอบหาหลักฐานได้แน่นอนว่า กรณี พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา หรือหมอมุก อายุ 34 ปี แพทย์ประจำคลินิกผู้สูงอายุ รพ.พระมงกุฎเกล้า ถูกรถชนจนได้รับบาดเจ็บสาหัสว่าเกิดจากการถูกชนโดยรถของผู้ต้องหาหรือไม่ แม้รถคันที่คาดว่าใช้ก่อเหตุจะมีการทำความสะอาดไปแล้วก็ตาม
“ต้องมีการตรวจสอบ 3 จุดสำคัญคือ ผู้บาดเจ็บ จุดเกิดเหตุ และรถที่ก่อเหตุ เนื่องจากทั้ง 3 จุด ต้องมีหลักฐานที่สามารถเชื่อมโยงกันได้ เช่น ตัวผู้บาดเจ็บสามารถตรวจสอบเสื้อผ้าในวันเกิดเหตุมีอะไรบางอย่าง ที่อาจชี้ได้ว่าถูกชนโดยรถของผู้ต้องหาหรือไม่”พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าว
นอกจากนี้ตามหลักนิติวิทยาศาสตร์ ยังมีเครื่องมือที่สามารถนำมาตรวจสอบหาหลักฐานได้ โดยเฉพาะคราบเลือดที่แม้จะล้างออกแล้วแต่เชื่อว่าน่าจะยังหลงเหลือไว้ตรวจสอบ โดยใช้น้ำยาทดสอบหาคราบเลือดไปตรวจดีเอ็นเอเปรียบเทียบกับผู้บาดเจ็บ
ส่วนที่ผู้ต้องหาปฏิเสธไม่ได้ขับรถชน แต่เป็นการกระโดดเข้าหารถของผู้บาดเจ็บเอง ประเด็นนี้ยังสามารถประเมินจากอาการของผู้บาดเจ็บได้ อีกทั้งตามหลักเวชศาสตร์จราจรก็สามารถบ่งบอกได้ว่าเกิดจากการวิ่งไปชนหรือถูกวิ่งชน
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1209 ครั้ง