อภิสิทธิ์”ปราศรัยราชประสงค์ยอมรับนอนร้องไห้คืนสลายชุมนุม ซัดทักษิณปฏิเสธปรองดอง ลั่นนิรโทษกรรมให้ไม่ได้
วันที่ 23 มิ.ย.เวทีปราศรัย ดับไฟประเทศของพรรคประชาธิปัตย์ เวลา21.15น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้ขึ้นปราศรัยที่เวทีหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ โดยก่อนเริ่มปราศรัย นายอภิสิทธิ์ได้นำประชาชนที่มาฟังการปราศรัยร่วมยืนไว้อาลัยให้แก่ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุม
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จากเหตุการณ์รุนแรงเมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553 คืนนั้นเป็นคืนที่ร้องไห้อยู่นานมาก ในชีวิตการเมืองของตนไม่ต้องการเห็นการสูญเสียของประชาชนคนไทยแม้แต่คนเดียว แต่มาเกิดขึ้นในยุคที่ตนเป็นนายกฯ ซึ่ง ทบทวนแล้วไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไร จะต้องมีคนโกรธแค้น เป็นธรรมดา ทั้งที่ในใจรู้ว่า ตนเอง และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน จะทำทุกอย่างเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียที่เกิดขึ้น แต่จากคืนนั้นไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไรชีวิตตนไม่มีทางเหมือนเดิม
“ผมคิดไม่ตกว่าจะต้องทำอย่างไร แต่คนที่ให้สติคือภรรยาผม เขารู้ว่าชีวิตเขา ลูกเราไม่มีทางเหมือนเดิม ผมรู้สึกผิดเพราะอาสาตัวมาเข้าการเมือง วันนั้นเขาบอกกับผมอย่างเดียวว่าเหตุการณ์ที่เกิดถ้าเรามั่นใจว่าเราไม่ได้เป็นคนต้องการ หรือเป็นเงื่อนไขเกิดขึ้น ทางเดียวคือต้องแบกรับปัญหาและแก้ให้สำเร็จลุล่วงต่อไป ห้ามหนี ห้ามทิ้งปัญหา”นายอภิสิทธิ์กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หลังจากนั้นเกิดเหตุรุนแรงตามมาอีกมาก คิดว่าถึงเวลาต้องใช้กำลังเข้าแก้ปัญหา แต่ได้คิดแผนปรองดองที่จะเดินหน้าแก้ปัญหา และตัดสินใจว่าพร้อมที่จะยุบสภาให้มีการเลือกตั้งก่อนครบวาระ รัฐบาล แต่เขาไม่รับเงื่อนไขทั้งที่จะทำให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า เพราะเพียงแต่ไม่ตอบโจทย์ของคนๆเดียว ที่ไม่รับคำพิพากษาของศาล
“การยัดเยียดว่าคนตายที่วัดปทุมวนาราม เพราะ ผมสั่งฆ่า หรือรวมจำนวนแล้ว 91คน เป็นธรรมหรือที่ว่าผมเป็นฆาตรกรมือเปื้อนเลือด เหตุการณ์ทั้งหมด พวกเราทุกคนควรจะเสียใจ ควรจะคิดให้ทะลุ ก้าวพ้นตรงนี้ให้ได้อย่างไร การสร้างข้อเท็จจริงชุดใหม่มาใส่ร้ายผม หรือหลายๆ คน ควบคู่กันไปคือการที่พรรคเพื่อไทยพูดเรื่องนิรโทษกรรมคุณทักษิณ ผมต้องการให้พี่น้องเห็นชัดเจนว่าใครเหมาะสมที่จะมาปรองดองในบ้านนี้เมืองนี้”นายอภิสิทธิ์กล่าว
นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า จากบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทย คนเหล่านี้เขาพร้อมประนีประนอมจริงหรือไม่ การหลีกเลี่ยงกระบวนการปรองดองเมื่อ เดือน เม.ย. ถึงพ.ค.ทำไมเขาถึงปฏิเสธ ทำไมนายใหญ่ของเขาจึงได้ปฏิเสธการประนีประนอมปรองดองที่ผ่านมา ผมเข้าใจ แต่ผมไม่สามารถนิรโทษกรรม คืนเงิน 4.6หมื่นล้านให้คุณทักษิณได้
“ถ้าผมหาเงินมาได้ด้วยตัวเองยินดีจะนำเงินไปให้เขาและให้หยุดทำร้ายประเทศไทย แต่ นี่ไม่ใช่เงินผมเป็น เงินประเทศ เงินประชาชนผมไม่มีสิทธิเอาไปให้ ถ้าสำนึกผิดสังคมไทยก็พร้อมให้อภัยแต่ถ้ายังยืนยันว่าเมื่อใดก็ตามว่าศาลตัดสินถูกไม่มีปัญหา แต่มาบอกว่าตัดสินผิดอย่างนี้ยอมไม่ได้ การตัดสินใจต่อจากนี้จึงต้องเป็นของประชาชน วันนี้จึงต้องเลือกระหว่างประชาธิปัตย์ที่ยืนหยัดบนความถูกต้องกับกลุ่มเสื้อแดง”นายอภิสิทธิ์กล่าว
ชี้เป็นโอกาสถอนพิษทักษิณออกจากประเทศไทย
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า วิธีก้าวพ้นความขัดแย้งปฏิเสธคนนิยมความรุนแรงและพร้อมจะขัดกฎหมาย ถ้าพี่น้องเลือกเบอร์สิบ ก็จะหาทางปรองดองบนความอดทนอดกลั้นที่สุด โอกาสนี้เป็นโอกาสดีที่สุดที่เราจะถอนพิษทักษิณออกจากประเทศไทย ถ้าพี่น้องคนไทยที่นิยมชมชอบสิ่งที่ทักษิณทำไว้ต้องแยกให้ออกระหว่างนโยบายกับตัวตนของทักษิณ สิ่งเดียวที่เป็นอาวุธคืออ้างประชาชนนิยม ถ้าคุณทักษิณแน่จริงหยุดใช้การตลาดสร้างภาพลวงตา มีนโยบายอย่างเดียวคือล้างผิดให้ทักษิณแล้วให้ประชาชนเลือก เราจะได้รู่ว่าพี่น้องประชาชนคนไทยจะตัดสินใจอย่างไร
“ถ้าอยากให้ถอนพิษทักษิณเด็ดขาดต้องเลือกประชาธิปัตย์มาเป็นที่หนึ่ง เกิน 250 เสียง แล้วเราจะได้ประกาศไปทั่วประเทศทั่วโลกประเทศไทยพร้อมเดินหน้ารักษาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และจะได้บอกว่าประเทศไทยเงินซื้อไม่ได้ คนไทยจะไม่ยอมให้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย คนไทยประกาศอิสระภาพจากความกลัวจากการข่มขู่แล้ว และประกาศให้รู้ว่าประเทศไทยไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง หรือคนสีใดสีหนึ่งแต่ต้องเป็นของคนทุกสี”นายอภิสิทธิ์กล่าว
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ถ้าเลือกเข้าไปเป็นนายกฯ สี่ปี ต่อไป ก็จะไม่ขอมาเป็นอีกเพราะรัฐธรมนูญห้าม ดังนั้น สี่ปีต่อจากนี้จะขอเอาชีวิตการเมือง เพื่อเดินหน้าสมานบาดแผลทำให้บ้านเมืองเติบโตก้าวไปข้างหน้าต่อไปให้ได้ นี่คือสิ่งที่จะทุ่มเทที่สุดในชีวิตการเมืองของตน แต่ถ้าวันนี้ การต่อสู้ครั้งนี้เพื่อให้ประเทศหลุดพ้้นจากปัญหาต่างๆ ถ้าทำได้ก็จะทุ่มเทต่อไป ทำไม่ได้ก็หลีกทางให้คนอื่นมาทำแทน ดังนั้นขอให้ประชาชนชัดเจนว่าจะเลือประชาธิปัตย์ หรือ เพื่อไทยให้ชัดเจนเด็ดขาดไปข้างหนึ่งข้างใด
ชวนแฉมีขบวนการหมิ่นสถาบัน
ก่อนหน้านายอภสิทธิ์ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ได้ขึ้นปราศรัยต่อ โดยยืนยันว่า สิ่งที่นายสุเทพพูดเป็นความจริงทั้งหมด โดยวิธีการปรองดองในชาติคือ ใครทำผิดรับผิด ใครไม่ทำผิดอย่าไปกลั่นแกล้ง นี่คือวิธีที่ดีที่สุด คนที่สั่งฆ่าคน ไปเผาศาลากลาง ถ้ายกเว้นโทษให้คนทำผิด คงไม่มีใครยอม
นายชวนยังปราศรัยถึงพฤติกรรมขงอระบบทักษิณ ที่มีการแทรแซงองค์กรอิสระ 2 มาตรฐานในคดีซุกหุ้น รวมทั้ง การข่มขู่องค์กรอิสระ เช่น กกต. ศาลรัฐธรรมนูญ การแทรกแซงสื่อมวลชน โดยช่วงท้ายย้ำว่า อย่าให้ใครมาเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมการเมืองไทย เพราะสหรัฐอเมริกาไม่เหมือนเรา เจ้าของแผ่นดินเขาคืออินเดียแดง เพิ่งตั้งประเทศสองร้อยกว่าปีที่แล้ว อย่าให้คนไม่ดีมาปกครองบ้านเมือง และระบุด้วยว่า เสื้อแดงมีการล่วงละเมิดสถาบัน ซึ่งมีคนอยู่เบื้องหลังคอยกำกับและข่มขู่ และมีการข่มขู่ผู้ลงคะแนนในหลายพื้นที่ด้วย
“ตอนตั้งรัฐบาลปี 39 เขารู้ว่าผมรักษาคำพูดก็เลยทำทุกอย่างเพื่อให้ชนะ คุณเสนาะ เทียนทอง เคยพูดกับสื่อว่า พล.อ.ชวลิตแข่งกับพวกผมเงินหมด ก็ไปขอเงินคุณทักษิณมาช่วย ผลเลือกตั้งผมแพ้ 2 เสียง เที่ยวนี้ นายกฯ อภิสิทธิ์ไม่เคยพูดเลยว่าถ้าเสียงน้อยกว่าจะไปเป็นฝ่ายค้าน ท่านก็ต้องรักษาคำพูดเหมือนผม อย่าให้มือสมัครเล่นมาทำงานผิดพลาด คุณยิ่งลักษณ์ถ้าโคลนนิงมาจากทักษิณ ผมกลัวว่าความคิดแบบอุ้มฆ่าจะถ่ายทอด”
และก่อนนายอภิสิทธิ์ขึ้นปราศรัย บนเวทีได้เปิดคลิปเหตุการณ์ความรุนแรงเดือน พ.ค.2553 โดยเฉพาะคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ, นายณัฐวุฒิ และนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง ที่ได้ปลุกระดมให้ผู้ชุมนุมเตรียมพร้อมก่อจลาจล ท่ามกลางเสียงโห่และเสียงตะโกนจากผู้ฟังปราศรัยว่า พวกเผาบ้านเผาเมือง ในขณะที่หน้าเวทีหลายคนถึงกับน้ำตาไหลและร้องไห้เมื่อได้ดูคลิปเหตุการณ์สถานที่ต่างๆ ถูกเผา
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1178 ครั้ง