วันที่ 29 มิ.ย. จากปัญหายถอนตัวจากภาคีมรดกโลก ส่งผลไทย-กัมพูชา ขัดแย้งกันอีกรอบ และปะทะกันตามแนวบริเวณชายแดน พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่มีการเสริมกำลังทหารชายแดน แต่ก็มีการสับเปลี่ยนกำลังทหารตลอดทั้งมีการเตรียมความพร้อมตลอดเวลาเนื่องจากโอกาสปะทะสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา สาเหตเพราะทหารทั้ง 2 ฝ่ายมีการตรึงกำลังเผชิญหน้ากันอยู่ พร้อมยืนยันอีกว่า กองทัพภาคที่ 2 ยังไม่มีการเสริมกำลัง เข้าไปพื้นที่ชายแดนเพิ่มแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามประชาชนที่ต้องการจะไปเที่ยวปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ขอให้งดเดินทางไปเที่ยวในช่วงนี้รอจนกว่าสถานการณ์ชายแดนดีขึ้นกว่านี้อีกสักระยะหนึ่งก่อน ซึ่งเกรงว่าหากประชาชนเข้าไปเที่ยวแล้วหากเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมา จะทำให้ไม่ปลอดภัยได้ และก็จะตำหนิทหารได้อีก
ขณะที่การค้าขายที่ตลาดการค้าชายแดนช่องจอม-โอร์เสม็ด อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ก็ยังเปิดค้าชายตามปรกติ มีนักท่องเที่ยวบางตา เนื่องจากเป็นวันธรรมดา ส่วนชาวกัมพูชาก็ยังคงข้ามแดนมาซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค รวมทั้งยังนำของป่ามาวางขายอยู่เช่นเดิม ส่วนนักพนันชาวไทยก็ยังคงเดินทางข้ามแดนที่จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม เพื่อไปเสี่ยงโชคในบ่อนกาสิโนฝั่งกัมพูชาตลอดทั้งวัน และต่างไม่สนใจในกระแสข่าวความตรึงเครียดชายแดนแต่ใด
ด้านพล.ท.อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 ได้ออกตรวจเยี่ยมทหารตามแนวชายแดน และกล่าวถึงกรณีที่ นาย ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ระบุในวันที่ 1 กรกฎาคม กองทัพไทยจะใช้กำลังทหาร โจมตีกัมพูชาว่า ไม่เป็นความจริงนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก ไม่ให้ใช้กำลังรุกรานfใคร แต่ถ้าเราถูกปฏิบัติก่อน เราก็จะตอบโต้อย่างรุนแรง เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา หากมีเหตุการณ์เกิดขึ้น เราสามารถปกป้องอธิบไตยได้อย่างแน่นอน ขณะนี้ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่อยู่ตรงข้ามจังหวัดสระแก้ว กัมพูชาได้เพิ่มกำลังทหารราบ ระดับกองร้อยสองจุดหลัก แต่ไม่มีอาวุธหนักหรือยานเกราะ จึงยังไม่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์
แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้กองกำลังบูรพา และกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ติดตามสถานการณ์ ให้เน้นเรื่องการลาดตระเวนตามแนวชายแดน เพิ่มความเข้มงวด จุดผ่านแดน ทั้งการตรวจตราบุคคล ยานพาหนะ และสิ่งของ ประชาชนไม่ต้องตกใจ
ส่วนกรณีที่มีการระบุสถานการณ์ชายแดนจะทำให้การเลือกตั้งต้องล้มไป พล.ท.อุดมเดช กล่าวว่า ก็พูดกันไปตามแต่จะคิด แต่มันไม่เกี่ยวข้องกัน การเลือกตั้งต้องดำเนินต่อไป ทหารก็ต้องการให้มีการเลือกตั้ง ผู้บัญชาการทหารบกย้ำแล้วย้ำอีกว่า ต้องการให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเกิดขึ้นตามที่กำหนดไว้ นโยบายของกองทัพบกคือสนับสนุนให้กำลังพลใช้สิทธิ์ให้มากที่สุด โดยคาดว่าจะใช้สิทธิ์ได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ วางตัวเป็นกลางทางการเมืองและให้ทุกคนมีเสรีในการเลือกตั้งคนตามที่ใจชอบ ทุกคนต้องไปดูว่าคนใด พรรคใด ที่จะทำประโยชน์ให้บ้านเมือง และดูแลปกป้องเทิดทูนสถาบันอันเป็นที่รักของเราต่อไป
ส่วนกรณีที่มีความพยายามกล่าวหาว่ากองทัพ สั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเลือกพรรคใดพรรคหนึ่ง แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า กองทัพไม่มีการดำเนินการในลักษณะดังกล่าว เป็นเรื่องแล้วแต่จะคิด แต่นโยบายของผู้บัญชาการทหารบก คือให้หลีกเลี่ยงการดำเนินการทุกอย่างที่จะทำให้เกิดข้อครหาว่ากองทัพไม่เป็นกลาง โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเลือกตั้ง โดยให้เน้นเรื่องการรักษาความปลอดภัยมากกว่า ไม่ให้เข้าไปยุ่งในหน่วยเลือกตั้งและกระบวนการนับคะแนน ซึ่งเป็นหน้าที่โดยตรงของตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่คณะกรรมการการเลือกตั้งแต่งตั้งมา เว้นแต่ในพื้นที่ที่จะมีอันตรายหรือทุรกันดารมาก ๆ แต่กังวลหากผลการเลือกตั้งออกมา แล้วไม่ตรงใจของพรรคใดพรรคหนึ่ง ก็จะกล่าวหาว่ากองทัพเข้าไปเกี่ยวข้องกับกระบวนการใต้ดิน
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1185 ครั้ง