นอกจากนี้ ยังพบว่า ประชาชนกว่า ร้อยละ 76.2 ตั้งใจที่จะออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งในครั้งนี้ ส่วนอีกร้อยละ 23.8 จะไม่ไปเลือกตั้ง รวมถึง ยังมีกลุ่มตัวอย่างอีก 30.1 % ที่ยังไม่มีการตัดสินใจว่าจะเลือกพรรคใด หรือเลือกใคร
มาร์ค” ปัดตอบผลโพลล์เพื่อไทยทิ้งห่างประชาธิปัตย์จำนวนมาก พร้อมเดินเข้าพรรคทันที
ทั้งนี้ ภายหลังปิดหีบเลือกตั้งว่าขณะนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เข้ามาที่ทำการพรรค ขณะที่แกนนำคนอื่นรายอื่นยังไม่มีใครมา มีเพียงนายกอร์ปศักดิอ์ สภาวสุประธานยุทธศาสตร์จของพรรคที่เพิ่งเข้ามาเพื่อรอลุ้นผลเลือกตั้ง และระหว่างที่นายอภิสิทธิ์ กำลังเดินเข้าพรรคผู้สื่อข่าวพยายามถึง กรณีที่เอ็กซิทโพลล์ ระบุว่าพรรคเพื่อไทยทิ้งห่างพรรคประชาธิปัจย์ แต่นายอภิสิทธิ์ไม่ตอบคำถามและเดินเข้าพรรคไปในทันที
ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) เวลา 15.00 น. ภายหลังปิดหีบเลือกตั้ง มีประชาชน คนเสื้อแดง มาร่วมให้กำลังใจและลุ้นผลเลือกตั้งกว่า 200 คน โดยต่างเฮโลทันทีที่ทราบว่า ผลเอ็กซ์ซิตโพลจากสำนักต่างๆ ได้แจ้งว่า พรรคเพื่อไทยชนะถล่มทลาย โดย นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ลงมาที่ห้องสื่อมวลชนก่อนจะบอกว่า ดีใจที่ผลโพลออกมาเช่นนี้ และเป็นไปอย่างที่บอกไว้ว่า พรรคจะชนะขาด
ต่อมาในเวลา 15.15น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้เดินทางมาถึงพรรคพร้อม กับ นายประภัสร์ จงสงวน สมาชิกพรรคเพื่อไทยที่แม้จะไม่ได้ลงสมัคร ส.ส. แต่ก็ถูกวางตัวให้เป็นทีมเศรษฐกิจของพรรค
ทั้งนี้น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์หลังได้ทราบผลโพลจากสำนักต่างๆ โดยระบุว่าขอให้ทราบผลคะแนนก่อนและจะเปิดใจทุกอย่างในช่วงค่ำวันนี้
ด้านสำนักข่าวกัลฟ์ นิวส์ รายงานว่า เหตุความไม่สงบทางการเมืองในประเทศไทยเมื่อปี 2010 ได้ทำลายภาพลักษณ์และชื่อเสียงของประเทศในฐานะที่เป็น “สยามเมืองยิ้ม” ดังนั้น การเลือกตั้งครั้งนี้จึงเป็นบททดสอบศักยภาพของไทยในการคลี่คลายวิกฤตการเมืองที่ยืดเยื้อมายาวนานกว่า 6 ปี อีกทั้งยังกล่าวอีกว่า มีความเป็นไปได้สูงที่นางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อลำดับที่หนึ่งของพรรคเพื่อไทย จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย
นอกจากนี้ สำนักข่าว กัลฟ์ นิวส์ ยังให้ความสำคัญกับอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท ทักษิณ ชินวัตร โดยกล่าวว่า แม้ทักษิณจะพำนักอาศัยอยู่ที่ประเทศดูไบแต่ก็ได้ช่วยเหลือและให้คำแนะนำแก่นางสาวยิ่งลักษณ์ ผู้เป็นน้องสาว ในเรื่องการรณรงค์หาเสียง
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1430 ครั้ง