‘แม้ว’ออกโรงเอง ประกาศตั้ง รัฐบาล 4 พรรค ดึงชาติไทยพัฒนา-ชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน-พลังชล
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “ข่าว 3 มิติ” เมื่อช่วงกลางดึก วันที่ 3 ก.ค.54 อีกครั้ง โดยย้ำชัดเจนว่า พรรคเพื่อไทย จะจัดตั้งรัฐบาล 4 พรรค ประชกอบด้วย พรรคเพื่อไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน และพรรคพลังชล ส่วนรัฐบาลพรรคเพื่อไทย จะอยู่ได้นานเท่าไหร่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับการทำงาน ถ้าตั้งใจทำงานก็อยู่ได้นาน
พท. ผสมสูตรตั้งรบ. เดินแนวทาง 4 พรรค+งูเห่า
ล่าสุุด มีความเคลื่อนไหวของแกนนำพรรคการเมืองต่าง ๆ โดยนายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา มีกำหนดการบินด่วนไปฮ่องกงในทันที พร้อมกับกระแสข่าวว่า มีแกนนำจากพรรคอื่น ๆ ตามไปสมทบ ซึ่งคาดว่า จะเป็นการเดินทางไปเตรียมการจัดตั้งรัฐบาล โดยสูตรจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยขณะนี้ มีความเป็นไปได้ถึง 4 สูตรด้วยกัน
สูตรที่ 1 เป็นไปตามที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เคยให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่า พรรคร่วมรัฐบาลประกอบไปด้วย พรรคเพื่อไทย พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ซึ่งเมื่อรวม 3 พรรคนี้ จะได้รัฐบาลที่มีเสียง 290 เสียง ขณะที่พรรคฝ่ายค้าน ประกอบด้วยพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย และพรรคเล็ก ราว 210 เสียง โดยมีระยะปลอดภัยประมาณ 80 เสียง
สูตรที่ 2 เพื่อให้รัฐบาลมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น จากเดิมที่เป็นรัฐบาลผสม 3 พรรค จะเพิ่มพรรคพลังชลอีกราว 7 เสียง เป็น 297 เสียง ขณะที่ฝ่ายค้านเหลือเสียงรวมกัน 203 เสียง
สูตรที่ 3 มีความเป็นไปได้สูง ที่จะเกิดกลุ่มงูเห่าในพรรคภูมิใจไทย ภายหลังจากที่พรรคเพื่อไทยประกาศไม่ดึงพรรคภูมิใจไทยร่วมรัฐบาล ดังนั้น มีความเป็นไปได้ที่กลุ่มสมศักดิ์ เทพสุทิน จะแยกตัวออกไปสนับสนุนพรรคเพื่อไทยพร้อมกับเสียง 8 เสียงในส่วนภาคกลางและภาคเหนือ ทำให้ได้พรรคร่วมที่มีเสถียรภาพเพิ่มขึ้น ตามสูตรพรรคร่วม 4 พรรค บวก 1 กลุ่ม มีเสียงประมาณ 305 เสียง ขณะที่ฝ่ายค้านเหลือเพียง 195 เสียง
สูตรที่ 4 เป็นสูตรรัฐบาลปรองดอง ด้วยการที่พรรคเพื่อไทยประกาศเชิญทุกพรรคเข้าร่วมรัฐบาล ยกเว้นพรรคภูมิใจไทย แต่เป็นที่คาดหมายว่า พรรคประชาธิปัตย์ก็จะไม่เข้าร่วมรัฐบาล และกอดคอเป็นฝ่ายค้านกับพรรคภูมิใจไทย (ยกเว้นกลุ่มงูเห่า) จะทำให้พรรคร่วมฝ่ายค้านมีเสียงในการตรวจสอบรัฐบาลเพียง 190 เสียง ขณะที่รัฐบาลมีเสียงรวมกัน 310 เสียง
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวระดับสูง จากพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า สูตรที่เป็นไปได้มากที่สุดในขณะนี้ คือสูตรที่ 2 เป็นรัฐบาลผสม 4 พรรค โดยที่พรรคเพื่อไทยคาดว่า หลังจากนับคะแนนสุดท้ายแล้วพรรคน่าจะได้มากกว่า 260 ที่นั่ง ซึ่งเท่ากับรัฐบาลจะมีเสียงที่มีเสถียรภาพราว 300 เสียง โดยที่พรรคร่วมรัฐบาล จะได้รับการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีไม่เกิน 10 ที่นั่ง
ขณะเดียวกัน มีรายงานจากพรรคชาติไทย แจ้งว่า เบื้องต้นได้มีการต่อสายของพรรคชาติไทยพัฒนากับพรรคเพื่อไทย เพื่อขอให้เข้าร่วมรัฐบาล โดยตำแหน่งที่พรรคชาติไทยพัฒนาต้องการ ยังยืนยันข้อเรียกร้องเดิมไว้คือ รองนายกฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
อย่างไรก็ตาม ด้วยตัวเลขของพรรคเพื่อไทย ที่น่าจะมีเป็นจำนวนมาก จึงต้องรอให้ตัวเลขนิ่งเสียก่อน และข้อเสนอนี้ก็เป็นเพียงเบื้องต้น ซึ่งหากพรรคเพื่อไทยได้ ส.ส.จำนวนมาก ก็อาจจะถูกต่อรองลดลงมา ซึ่งไม่อย่างไร ทางพรรคก็ยืนยันว่า จะร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชุมพล ที่เดินทางไปฮ่องกงในช่วงหลังเลือกตั้ง คาดว่า จะไปเพื่อเจรจราต่อรองการจัดตั้งรัฐบาล เนื่องจากการเดินทางไปครั้งนี้ ไม่ได้กำหนดไว้ตั้งแต่แรก
ขณะที่ความเคลื่อนไหวของพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน หลังจากรับทราบผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ แกนนำพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน กลับนิ่งเงียบอย่างน่าสังเกต โดยเฉพาะนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำตัวจริงของพรรค ที่จนถึงขณะนี้ไม่ทราบว่าไปพักอยู่สถานที่ใด โดยผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อทางโทรศัพท์ สามารถติดต่อได้เพียง นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา ผู้อำนวยการเลือกต้ัง กทม.และภาคกลาง ของพรรค ซึ่งได้ระบุว่า นายสุวัจน์ ได้ออกไปทำธุระกับผู้ใหญ่ และพาครอบครัวไปรับประทานอาหารค่ำในพื้นที่กรุงเทพ ทั้งนี้ ได้ปฏิเสธที่จะตอบคำถามใดๆ เกี่ยวกับการจับขั้วรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า มีกระแสข่าวอีกด้านระบุว่า นายสุวัจน์ ได้เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว
ด้านความเคลื่อนไหวของแกนนำฝั่ง3 พี พบว่า นายปรีชา เลาหะพงษ์ชนะ อยู่ระหว่างการเดินสายทำบุญที่ประเทศจีน และกำหนดเดินทางกลับวันที่ 4 ก.ค.นี้ ขณะที่นายพินิจ จารุสมบัติ ไม่สามารถติดต่อได้
แหล่งข่าวระดับสูง จากแกนนำพรรคเพื่อไทยอีกคนหนึ่ง เปิดเผยว่า แกนนำพรรคเพื่อไทยได้มีการหารือกับพ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อประเมินภาพรวมจำนวนส.ส.ของพรรคในเบื้องต้นแล้วว่า ขณะนี้มั่นใจว่า พรรคเพื่อไทยจะได้จัดตั้งรัฐบาลอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม หากท้ายที่สุดแล้ว จำนวนส.ส.ของพรรคเพื่อไทยไม่ถึง 300 ที่นั่ง ก็จะส่งผลให้มีส.ส.ฝ่ายค้านในสภาถึง 200 กว่าคน ซึ่งจะทำให้รัฐบาลทำงานลำบากแน่นอน ดังนั้น พรรคจึงจำเป็นต้องเชิญพรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน และพรรคพลังชลมาร่วมรัฐบาล
สำหรับพรรคพลังชลนั้น ได้จำนวนส.ส. 7 ที่นั่ง แต่พรรคก็จะให้โควตาตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง 1 ตำแหน่งด้วย ส่วนพรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดินนั้น ขณะนี้ยังติดปัญหาว่า พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ยื่นข้อเสนอขอดูแล 2 กระทรวงใหญ่ คือ กระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ หรือกระทรวงคมนาคม รวมทั้งเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอีก 3 ตำแหน่งด้วย แต่ทั้งหมดจะต้องรอให้จำนวนส.ส.ของแต่ละพรรคนิ่งเสียก่อน จึงจะเริ่มเจรจากันอีกครั้ง
แหล่งข่าวกล่าวว่า ในส่วนของพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ได้ยื่นข้อเสนอขอดูแลกระทรวงพลังงาน ซึ่งจะต้องมีการพูดคุยกันอีกครั้งเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม การที่พรรคเพื่อไทย ได้จำนวนส.ส.เกิน 250 คนจริง ก็จะทำให้พรรคมีอำนาจต่อรองกับพรรคขนาดกลางมากขึ้น ซึ่งจะทำให้พรรคสามารถนำกระทรวงหลัก อาทิ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงคมนาคมมาดูแลเองได้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับงานด้านความมั่นคงของประเทศ และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งยังเป็นโอกาสที่จะทำให้พ.ต.ท.ทักษิณมีโอกาสสูงที่จะได้เดินทางกลับประเทศไทยอีกด้วย
สำหรับการคัดสรรผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีนั้น เบื้องต้นพรรคได้วางหลักการเอาไว้คร่าวๆ ว่า อาจจะให้บุคคลที่ชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อชุด 2 ที่เป็นบัญชีของผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนายทุนของพรรค เข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเพียงแค่ 2 คนก่อน จากนั้น อาจจะให้ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1-10 ของพรรค และผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค 7 ลำดับจากท้ายมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี
ทั้งนี้ สำหรับบุคคลที่เป็นผู้สมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อของพรรคที่ได้เป็นรัฐมนตรีนั้น จะต้องลาออกจากตำแหน่งส.ส. เพื่อเป็นการขยับให้ผู้สมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อของพรรคในลำดับถัดไปได้เลื่อนขึ้นมาเป็นส.ส.แทน แต่ยกเว้นร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ที่ไม่ต้องลาออกจากตำแหน่งส.ส. เพื่อให้ทั้ง 2 คนช่วยทำหน้าที่ประสานงานกับส.ส.ในสภา เนื่องจากมองว่า การบริหารงานต่อจากนี้ไปนั้น เกมในสภาจะต้องต่อสู้กันอย่างดุเดือดแน่นอน
นอกจากนี้ พรรคยังอยู่ระหว่างการตัดสินใจด้วยว่า จะให้พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ผู้สมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย หรือนายวิทยา บุรณศิริ ผู้สมัครส.ส.พระนครอยุธยา ดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อคุมเกมการประชุมสภา
ด้านพ.อ.อภิวันท์ เปิดเผยว่า ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร คงต้องให้ผู้ใหญ่ของพรรคเพื่อไทยเป็นผู้พิจารณาว่า จะให้ใครเป็นผู้ดำรงตำแหน่ง แต่ก็เห็นว่า คนที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานสภาฯ จำเป็นที่จะต้องแม่นยำในเรื่องของข้อกฎหมาย รวมทั้งมีความอาวุโส และมีประสบการณ์ในการคุมเกมในสภาฯ ด้วย
“เนวิน” เครียดจัดเก็บตัวเงียบบ้านเกิด
ในส่วนของภูมิใจไทย ภายหลังการปิดหีบเลือกตั้งลง นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส.บุรีรัมย์ และคนใกล้ชิด ได้เก็บตัวเงียบลุ้นผลการเลือกตั้งที่บ้านพักส่วนตัวในจ.บุรีรัมย์ โดยนายเนวิน ได้เกาะติดผลการเลือกตั้งอยู่หน้าโทรทัศน์พร้อมกับโทรศัพท์สอบถามสถานการณ์ผู้สมัครส.ส.ในภาคอีสานเป็นระยะ ด้วยความเคร่งเครียด เนื่องจากในจังหวัดบุรีรัมย์พื้นที่เป้าหมายของตัวเอง ไม่ได้ยกจังหวัดคือ 9 ที่นั่งตามที่ประกาศเอาไว้
นอกจากนี้ ในหลายจังหวัดในภาคอีสาน อาทิจ.สุรินทร์ จ.นครราชสีมา ก็พลาดเป้าหมายจำนวนมาก อีกทั้งรัฐมนตรีของพรรคที่นายเนวิน หมายมั่นปั้นมือที่จะได้ส.ส.อย่าง นายศุภชัย โพธิ์สุ รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายสุชาติ โชคชัยวัฒนายากร รมช.คมนาคม และนายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ อดีตรมช.คมนาคม ก็ไม่สามารถคว้าเก้าอี้ส.ส.ได้
“ชพน.” เผย “ยิ่งลักษณ์”เชิญเข้าร่วมรัฐบาล
ขณะเดียวกัน นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล หัวหน้าพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน (ชพน.) ยอมรับว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 ของพรรคเพื่อไทย ได้ส่งเทียบเชิญให้เข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย และคงมีโอกาสได้พูดคุยกับพรรคเพื่อไทยในเร็วๆ นี้
“พรรคไม่ได้ยื่นข้อเสนอ เรื่องเก้าอี้ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นตัวต่อรองในการเข้าร่วมรัฐบาล แต่พรรคเพื่อไทยและพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน มีจุดยืนที่ตรงกัน ในเรื่องของความปรองดอง และหยุดขั้วสลายสี จึงมั่นใจว่า จะสามารถทำงานร่วมกันได้ในอนาคต ไม่มีปัญหา อีกทั้งในอดีตที่ผ่านมา พรรคได้เคยร่วมงาน กับพรรคพลังประชาชนมาก่อน” น.พ.วรรณรัตน์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในเรื่องของการต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีของพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ที่จะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย เป็นที่ชัดเจนว่า จะยังคงขอตำแหน่งเดิม คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ส่วนตำแหน่งอื่นๆ ต้องรอผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1111 ครั้ง