ผลการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม มีฃัยชนะของ 3 พรรคการเมือง ที่น่าสนใจ คือ พรรครักประเทศไทยของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ ที่สามรถหอบหิ้วลูกพรรคมาได้ 4 คน พรรคประชาธิปไตยใหม่ ที่ไม่มีคนรู้จักมาก่อน แต่ได้รับเลือกจนเข้ามาเป็น ส.ส.ได้ มาดูเส้นทางของพวกเขากัน
นางพัชรินทร์ มั่นปาน เป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคประชาธิปไตยใหม่ อันดับ 2 แต่ หัวหน้าพรรคนายสุรทิน พิจารณ์ ผู้สมัครลำดับที่หนึ่งถูก กกต. ตัดสิทธิการสมัครเนื่องจากล้มละลาย ทำให้ได้เป็น ส.ส.แทนทันที เธอ กล่าวว่า ไม่เคยคิดว่าจะได้เป็น ส.ส. วันที่นับคะแนน นอนหลับไปเมื่อเที่ยงคืน และเมื่อตื่นมาตอนเช้าลูกก็จึงมาบอกว่าแม่ได้เป็น ส.ส. และรู้สึกตื่นเต้นมาก
“การทำงาน จะเดินหน้าทำงาน โดยเน้นที่เรื่องการศึกษา เพราะขณะนี้ระบบการศึกษาแย่มาก โดยเฉพาะปัญหาครูที่ต้องมาสนใจทำเรื่องวิทยฐานะ ทำให้การเรียนการสอนตกลง ส่วนที่คนมองว่าจะเป็นเพียงเสียงเดียวจะทำอะไรได้ แต่ก็จะทำให้เต็มที่และก็คงเหมือนน้ำซึมบ่อทรายไปเรื่อย แต่หากถูกทาบทามให้ร่วมรัฐบาลก็จะพร้อมที่จะเข้าร่วมงาน” ว่าที่ ส.ส.หนึ่งเดียวของพรรคประชาธิปไตยใหม่ กล่าว
นางพัชรินทร์ เป็นคน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เกิดเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2502 อายุ 51 ปี จบการศึกษาปริญญาตรี สาขาภาษาไทย จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตบางแสน และ จบปริญญาโท สาขาเทคโนโลยีการสื่อสารจากมหาวิทยาลัยบูรพา เมื่อศึกษาจบก็ประกอบอาชีพครู มากว่า 30 ปี จนกระทั่งเออร์ลี่รีไทร์เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา จากนั้นมีคนชวนไปเป็นอนุกรรมาธิการแก้ไขปัญหาหนี้สิน ที่สภาผู้แทนราษฎร และเมื่อมีการเลือกตั้ง เพื่อนได้ชวนมาสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคประชาธิปไตยใหม่ เนื่องด้วยเป็นคนที่สนใจการเมืองมาตั้งแต่ต้นจึงตอบรับ การหาเสียงนั้นเน้นที่ พื้นที่ยโสธร บุรีรัมย์ และศรีสะเกษ ซึ่งเป็นฐานเสียงของพรรค นอกจากนี้ ยังมีลูกศิษย์อีกเป็นจำนวนมาก และเคยไปหาเสียงที่ คุรุสภา โดยขอคะแนนเพื่อให้เข้ามาแก้ไขปัญหาการศึกษา
รู้จัก 3 คนตามหลัง “ชูวิทย์”
มาที่ พรรครักประเทศไทยของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ที่สามารถพาลูกพรรคอีก 3 ชีวิต เข้าสภาคือ นายชัยวัฒน์ ไกรฤกษ์ นายโปรดปราน โต๊ะราหนี และ นายพงษ์ศักดิ์ เรือนเงิน
นายชัยวัฒน์ ไกรฤกษ์ ว่าที่ ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 2 พรรครักประเทศไทย ( ร.ป.ท.) เกิดเมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 2504 ปัจจุบันอายุ 49 ปี ชาวนครศรีธรรมราช ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรครักประเทศไทย ซึ่งก่อนที่จะร่วมงานการเมืองกับนายชูวิทย์ นายชัยวัฒน์ ประกอบอาชีพนักกฎหมาย ภายหลังจบการศึกษาระดับปริญญาตรี นิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยารามคำแหง และปริญญาโท ศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต (พัฒนาสังคม ) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ โดยก่อนที่จะเข้าสู่วิถีการเมืองในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งนี้ นายชัยวัฒน์ ผ่านประสบการณ์งานเอกชนเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมาย
นอกจากนี้ นายชัยวัฒน์ได้เริ่มเข้าสู่กิจกรรมการเมือง เมื่อเข้ามาเป็นฝ่ายวิชาการ พรรคความหวังใหม่ ผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการและกฎหมาย พรรคกิจสังคม รวมทั้งเป็นกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้านในสัดส่วนพรรคกิจสังคม กระทั่งเป็นโฆษกพรรคและเลขาธิการพรรครักษ์ถิ่นไทย และได้มาทำหน้าที่เลขาธิการพรรคต้นตระกูลไทยโดยเคยเป็นผู้อำนวยการเลือกตั้งช่วยงานหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานครให้นายชูวิทย์ด้วย ซึ่งก่อนที่จะมารับตำแหน่งเลขาธิการพรรครักประเทศไทย นายชัยวัฒน์ ก็ยังเป็นเลขาธิการพรรคสู้เพื่อไทย
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า การได้รับเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะฟลุ๊คหรือส้มหล่นอย่างแน่นอน แต่ทุกคะแนนเสียงเกิดจากการทำงานของทีมงานทั้งหมด ไม่ใช่มีเพียงนายชูวิทย์ หัวหน้าพรรค ร.ป.ท.คนเดียวที่หาเสียงกับประชาชนแต่ยังมีทีมงานนับ 100 คน ที่ตระเวนหาเสียงทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด เพียงแต่ภาพของนายชูวิทย์ จะเหมือนเป็นพรีเซ็นเตอร์ของพรรค
“ การเลือกตั้ง เรามีเป้าหมาย จึงไม่ใช่เรื่องส้มหล่น หรือฟลุ๊ค ถ้าจะหวัง ส.ส.เพียงคนเดียวพวกเราคงไม่ออกต่างจังหวัดเดินสายหาเสียง ซึ่งหลังจากนี้เมื่อ กกต.ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งแล้ว พวกเราเดินหน้าทำงานที่พร้อมทันที ส่วนเรื่องการทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านตรวจสอบนั้นส่วนตัวถนัดด้านพัฒนาสังคม ซึ่งเบื้องต้นภายในพรรคก็มีการพูดคุยกันบ้างแต่ยังไม่ถึงวางตายตัว ก็คงต้องรอการประชุมพรรควางแนวทางอีกครั้ง” นายชัยวัฒน์ กล่าว
ว่าที่ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 3 ของพรรค ร.ป.ท. คือ นายโปรดปราน โต๊ะราหนี เกิดเมื่อวันที่ 26 ส.ค.2523 อายุ 31 ปี ชาวพัทลุง ประธานสาขาพรรค ร.ป.ท. จังหวัดพัทลุง จบการศึกษาระดับปริญญาตรีรัฐศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และปริญญาโท ศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง หลักสูตรผู้นำภาครัฐและเอกชน โดยก่อนการลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้ นายโปรดปราน เคยทำงานด้านสื่อมวลชนเป็น รองบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์มุสลิมไทย และยังเคยผ่านงานด้านการศึกษาเป็นอาจารย์ฝ่ายแนะแนว ในมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต หรือ RBAC และเป็นผู้บริหารโรงเรียนธรรมศาสน์วิทยามูลนิธิ จังหวัดพัทลุง
นายโปรดปราน เล่าถึงการร่วมงานการเมืองกับนายชูวิทย์ว่า ได้รู้จักกับเลขานุการองค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง ซึ่งรู้จักกับนายชูวิทย์ หัวหน้าพรรคที่เคยขอคำปรึกษาเรื่องการจดทะเบียนจัดตั้งพรรค โดยตนเองก่อนจะร่วมงานกับนายชูวิทย์ ก็มีประสบการณ์ด้านการเมืองเช่นกันโดยเคยเป็นผู้ช่วยนายเจริญ ภักดีวานิช ส.ว.พัทลุง เมื่อปี 2551 ขณะที่เมื่อถูกทาบทามตนก็พร้อมจะร่วมงานเพราะรู้สึกชื่นชอบ และติดตามผลงานนายชูวิทย์มาตลอดอยู่แล้ว
ขณะที่หลังจากทราบว่าจะได้รับเลือกตั้ง ตนก็นอนไม่หลับ ซึ่งวันนี้ก็กลับมาพัทลุงเพื่อเตรียมตัวในการเป็น ส.ส. พร้อมกับการขอบคุณทุกเสียงของพี่น้องที่ลงคะแนน อย่างไรก็ดีในการทำหน้าที่ ส.ส. เบื้องต้นที่มีการพูดคุยเรื่องการตรวจสอบ ก็คงจะเน้นปัญหาชายแดนภาคใต้ ซึ่งตนเคยร่วมเป็นคณะทำงาน ก.อ.ส. 1 ปี ชุดที่มีนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นประธานด้วย จึงพอมีประสบการณ์และเมื่อบวกกับการเป็นคนในพื้นที่ภาคใต้ จึงคาดว่าจะได้รับความไว้วางใจจากหัวหน้าพรรคให้ติดตามเรื่องการแก้ปัญหาภาคใต้ดังกล่าว
“ก่อนหน้าที่จะตัดสินใจมาทำงานกับคุณชูวิทย์ ก็มีพรรคการเมือง 2-3 พรรคมาทาบทาม แต่ผมก็ปฏิเสธหมด เพราะยังไม่พร้อมและส่วนตัวชอบทำงานเบื้องหลังเป็นผู้ช่วย ที่ปรึกษา แต่เมื่อมาเจอคุณชูวิทย์ก็ปฏิเสธไม่ได้เพราะชอบ คุณชูวิทย์เป็นคนตรง ซึ่งคนไทยชอบคนพูดจริงอย่างคุณชูวิทย์ จึงไม่ใช่ว่าฟลุ๊คที่ได้รับเลือกตั้ง ” นายโปรดปราน ว่าที่ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 3 พรรค ร.ป.ท. ระบุ
ส่วนว่าที่ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 4 พรรค ร.ป.ท. นายพงษ์ศักดิ์ เรือนเงิน เกิดเมื่อวันที่ 21 ต.ค.2509 ชาวสมุทรสาคร อายุ 45 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตร์ สาขาอุตสาหกรรมศาสตร์บัณฑิตไฟฟ้ากำลัง มหาวิทยาลัยสยาม โดยก่อนการลงสมัครรับเลือกตั้งได้ประกอบงานตามวิชาชีพมีประสบการณ์ชำนาญงานด้านวิศวกรไฟฟ้าและโยธา งานระบบไฟฟ้ารถไฟฟ้าความเร็วสูง และด้านการขนส่งมวลชน เช่นการก่อสร้างสนามบินและรถไฟฟ้า
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวถึงความรู้สึกที่ได้รับเลือกตั้งว่า ส่วนตัวก็ตื่นเต้น นอนไม่หลับ เพราะไม่คิดว่าจะได้ ซึ่งเดิมที่เคยมีการพูดถึง ส.ส. 2 ที่นั่ง แล้วกลายมาเป็น 4 ที่นั่งถือว่าเกินความคาดหมาย ซึ่งก่อนที่ตนจะตัดสินใจมาลงสมัครเลือกตั้งก็ทำงานวิศวกรอยู่ที่บริษัท สมบัติ ต้นตระกูล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกรุ๊ปของนายชูวิทย์ หัวหน้าพรรค ที่ได้ชักชวนตนเข้ามาประกอบตนก็มีความสนใจด้านการเมืองด้วย เพราะในสมัยที่นายชูวิทย์ลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่า ฯ กทม. และครั้งที่ได้ร่วมงานกับพรรคชาติไทย ตนก็มีประสบการณ์ร่วมงานการเมืองกับนายชูวิทย์ด้วย
ครั้งนี้ถือว่าได้รับความไว้วางใจจากนายชูวิทย์ หัวหน้าพรรค อย่างมากที่จัดให้ลงสมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 4 ขณะที่ตนพร้อมจะดำเนินตามนโยบายที่นายชูวิทย์วางไว้เรื่องการตรวจสอบ ซึ่งตนมีความชำนาญทั้งด้านวิศวกรไฟฟ้าโยธา ตลอดจนระบบขนส่งมวลชนซึ่งแม้จะไม่ได้ทำงานในบริษัทที่มีหน้าที่โดยตรงเรื่องรถไฟฟ้า หรือขนส่งมวลชน แต่ตนได้ศึกษาระบบและมีความชำนาญที่จะตรวจสอบเรื่องราวต่างๆ ได้
ส่วนที่นายชูวิทย์ หัวหน้าพรรค เคยกล่าวยืนยันว่าพรรคและสมาชิกพรรคจะไม่มีงูเห่า เหมือนการเมืองในอดีตนั้น ส่วนตัวก็พร้อมปฏิบัติตามนโยบายพรรค และยืนยันตามแนวทางของหัวหน้าพรรค โดยตนพร้อมจะทำหน้าที่ตรวจสอบประชาชน ขณะที่การตรวจสอบไม่ใช่คัดค้าน ขัดขวาง แต่เราจะตรวจสอบว่าหากโครงการใดของรัฐบาลเป็นเรื่องที่ดีต่อประชาชนเราก็พร้อมสนับสนุน แต่ถ้าไม่เป็นประโยชน์ต้องท้วงติงซึ่งนายชูวิทย์ หัวหน้าพรรคได้พูดชัดเจนแล้ว
“แม้การได้ ส.ส. 4 ที่นั่งจะเกินความคาดหมายสำหรับผม แต่ไม่เกินความหมายจากความตั้งใจในการลงพื้นที่หาเสียง ที่ตระเวนทัวร์ไปต่างจังหวัดด้วย ซึ่งผมก็พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้านแม้ใครจะมองว่าจะไม่มีผลงาน แต่ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้าน หรือรัฐบาล ถ้าต่างรู้จักทำหน้าที่ตนเองผลงานก็จะตกอยู่กับประชาชน ” นายพงษ์ศักดิ์ ว่าที่ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 4 พรรค ร.ป.ท. กล่าวในตอนท้าย
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 3163 ครั้ง