วันที่ 6 ก.ค. นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ได้นัดเหล่าแกนนำพรรคมาร่วมรับประทานอาหารกลางวัน อาทิ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายสรอรรถ กลิ่นประทุม นายทรงศักดิ์ ทองศรี นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรค เพื่อวิเคราะห์ผลการเลือกตั้งของพรรคที่พ่ายแพ้เลือกตั้ง รวมถึงประเมินสถานการณ์การเมือง และการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ซึ่งนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำมัชฌิมา ที่มีกระแสข่าวจะนำส.ส.ในกลุ่ม 7 คน เข้าไปร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยไม่ได้มาร่วมรับประทานอาหารแต่อย่างใด โดยอ้างติดภารกิจส่วนตัว
มีรายงานแจ้งว่า ในการหารือกัน นายเนวิน ได้ยอมรับการพ่ายแพ้ครั้งนี้ เพราะสู้กระแสของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในช่วงโค้งสุดท้ายไม่ได้ โดยนาย เนวิน ระบุว่า การจัดตั้งหมู่บ้านของกลุ่มคนเสื้อแดง มีผลต่อการเลือกตั้งมาก และการบริหารงานของรัฐบาลที่ผ่านมา ไม่โดนใจประชาชน โดยเฉพาะเรื่องสินค้าแพง
อย่างไรก็ตาม แกนนำพรรคภูมิใจไทยหลายคน ยอมรับสภาพ และเตรียมตัวเป็นฝ่ายค้าน เพราะได้ประกาศชัดเจน จะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย
รายงานยังแจ้งว่า กรณีนายสมศักดิ์ ไปติดต่อผ่านนาย สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตเลขาธิการพรรคไทยรักไทยนั้น เป็นความจริง แต่ไม่ได้ผ่านการหารือของแกนนำของพรรคภูมิใจไทย เป็นการดำเนินการของนายสมศักดิ์เพียงคนเดียวเท่านั้น แล้วนำข้อเสนอกลับมาบอกกับนายเนวิน โดยเรื่องนี้นายเนวิน ได้สอบถามไปยังแกนนำทุกคนว่า จะมีใครตามนายสมศักดิ์ไปร่วมรัฐบาลหรือไม่ ซึ่งแกนนำอาทิ นายอนุทิน และนายสรอรรถ ได้ปฏิเสธ ยืนยันว่า จะอยู่กับนายเนวินเช่นเดิม อย่างไรก็ตาม เมื่อรู้ว่า กลุ่มนายเนวิน นายอนุทิน นายสรอรรถ ไม่ไปร่วมรัฐบาล ก็ทำให้นายสมศักดิ์ลังเล เพราะหากไปเพียงกลุ่มเดียวจะถูกประณามทรยศและตระหนักในอนาคตข้างหน้า หากมีการเปลี่ยนขั้วการเมืองจะไม่มีใครคบหา รวมทั้งยังมีแรงต้านจากคนในพรรคเพื่อไทย และเสื้อแดงที่ไม่ต้องการให้รับกลุ่มมัชฌิมามาแย่งเก้าอี้รัฐมนตรีด้วย
ทั้งนี้ ได้มีการวิเคราะห์กันภายในพรรคว่า รัฐบาลของพรรคเพื่อไทย คงอยู่ได้ไม่นาน เนื่องจากการช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณในทุกด้านมีแนวโน้มจะทำการการล้างบางข้าราชการคนละขั้ว รวมทั้งทหาร ตำรวจ ข้าราชการมหาดไทย โดยเฉพาะการตั้งคนเสื้อแดงมาเป็นรัฐมนตรี จะเป็นสาเหตุที่ทำให้คนไทยส่วนใหญ่ประชาชนรับไม่ได้ รวมทั้งนโยบายในช่วงหาเสียงอาทิ แรงงานขั้นต่ำ 300 บาท เงินเดือนปริญญาตรี 1.5 หมื่นบาทนั้น ไม่สามารถกระทำได้ เหล่านี้จะเป็นสาเหตุบั่นทอนอายุรัฐบาลให้สั้นลง
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1316 ครั้ง