วันที่ 7 ก.ค. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย และว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ แถลงเปิดตัวว่าที่ ส.ส.ของพรรคอีก 3 คน คือ นายชัยวัฒน์ ไกรฤกษ์, นายโปรดปราน โต๊ะราหนี และนายพงษ์ศักดิ์ เรือนเงิน พร้อมกับประกาศ 4 ภารกิจเร่งด่วน ได้แก่ 1.ติดตามและตรวจสอบคุณสมบัติบุคคลที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งคณะรัฐมนตรีว่ามีความรู้ความสามารถเพียงพอกับตำแหน่งหรือไม่ 2.ติดตามข้อเท็จจริงในคดีการสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง และแนวทางปรองดองของพรรคเพื่อไทย 3.ตรวจสอบสัญญาประชาคมและนโยบายที่พรรคเพื่อไทยประกาศตอนหาเสียงเลือกตั้ง และ 4.ติดตามการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน โดยตนให้เวลารัฐบาลทำงาน 6 เดือน แต่สำหรับพรรคร่วมบางพรรคที่มาสานงานต่อ ได้รับกระทรวงเดิม เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตนจะให้เวลาทำงาน 1 เดือน
นายชูวิทย์ยังได้เรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย แสดงสปิริตยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินในส่วนของนายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามี ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ด้วย ถึงแม้ทางกฎหมายไม่ได้บังคับให้ต้องยื่นก็ตาม.
ส่วนความเคลื่อนไหวของพรรคประธิปัตย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า แม้ตนจะไม่ได้เป็นเลขาธิการพรรค ตนก็ให้การสนับสนุนนายอภิสิทธิ์เต็มที่ เพราะเห็นว่าเป็นบุคคลเดียวที่เห็นว่ามีความสมบูรณ์พร้อมที่จะเป็นผู้นำของชาติบ้านเมืองในยุคนี้ และยังเป็นขวัญและกำลังใจสำหรับประชาชนอยู่ ทั้งนี้ ไม่จำเป็นว่าหากนายอภิสิทธิ์เป็นหัวหน้าพรรคแล้วตนต้องเป็นเลขาธิการพรรค สามารถเปลี่ยนกันได้ แล้วแต่ที่ประชุมใหญ่ของพรรคจะเห็นสมควร ซึ่งตนทุ่มเทให้กับพรรคอยู่แล้วไม่ว่าจะมีตำแหน่งหรือไม่ก็ตาม
“ตอนนี้ไม่ค่อยอยากเป็น อยากให้คนอื่นทำบ้าง วันนี้ผมยังทำหน้าที่รักษาการเลขาธิการพรรค และตั้งใจว่าจะจัดการประชุมใหญ่พรรคประมาณกลางเดือน ส.ค. เพราะเราต้องการหัวหน้าพรรคมานำพรรคเดินหน้าต่อไป และมาทำหน้าที่เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาด้วย และในวันที่ 13 ก.ค.นี้ ผมได้นัดเลี้ยงสังสรรค์กับบรรดา ส.ส.ของพรรคภายหลังจากที่ กกต.ประกาศรับรองแล้ว” นายสุเทพระบุ
วันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ “อนาคตประเทศไทยในระยะ 5 ปีข้างหน้า” ว่า จากนี้ไปสิ่งที่เราหวังคือกระบวนการทุกอย่างจะกลับเข้าไปสู่ระบบรัฐสภา และจะต้องทำทุกวิถีทางในการลดความแตกแยกที่เกิดขึ้นในสังคม วันนี้เป็นหน้าที่ของทุกฝ่าย ทั้งรัฐบาล ฝ่ายค้าน ภาคธุรกิจ และสื่อสารมวลชน
ด้านนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า กกต.จะเร่งพิจารณา ประกาศผลการเลือกตั้งส.ส.ภายใน 7 วัน หรือภายใน 12 ก.ค. ให้กับผู้ที่ได้รับการเลือกตั้ง และไม่มีเรื่องร้องเรียนคัดค้านการเลือกตั้ง โดยจะยึดแนวทางเดียวกับการพิจารณา เมื่อครั้งประกาศผลเลือกตั้งเมื่อปี 2550 เพราะเป็นกฎหมายฉบับเดียวกัน
ทั้งนี้ ทราบว่า ขณะนี้ มีผู้ที่ได้รับเลือกตั้ง และมีเรื่องร้องคัดค้านอยู่ประมาณ 50 เรื่อง แต่ที่ประชุมกกต. ยังไม่ได้มีการพิจารณาเรื่องคัดค้านการเลือกตั้งแต่อย่างใด
นายอภิชาต ระบุว่า ต้องรอการรายงาน มายังที่ประชุมกกต.ในวันที่ 12 ก.ค.นี้ก่อน โดยกกต. คงต้องรับรองผลการเลือกตั้งไปเรื่อย ๆ เพราะในการเลือกตั้งครั้งก่อน กกต.เคยรับรองอยู่ 3 ครั้ง ยืนยันว่า กกต.จะรับรองผลการเลือกตั้งส.ส. ให้เสร็จก่อนสิ้นเดือนก.ค.นี้ เพื่อให้ครบตามเกณฑ์ที่กำหนด โดยไม่ต้องรอให้ถึงวันที่ 1 ส.ค.นี้
สำหรับกรณีคุณสมบัติ ของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ว่าที่ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นายอภิชาต กล่าวว่า ที่ประชุมกกต. ยังไม่ได้มีการพิจารณารับรอง ให้นายจตุพรเป็นส.ส.แต่อย่างใด
“ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์นั้น ผมก็งงเหมือนกัน โดยการประชุม กกต. ก็มีการพูดในที่ประชุม และนายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง ก็ให้สัมภาษณ์ไปแล้ว ว่า กกต. ยังไม่มีการลงมติกกต. เพื่อรับรองผลการเลือกตั้งให้แก่นายจตุพรแต่อย่างใด”
กระนั้น นายอภิชาต ก็ยอมรับว่า กรณีดังกล่าว เมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ก่อนเลือกตั้ง กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง เคยเสนอเรื่องเข้าในที่ประชุมว่า ควรพิจารณาเรื่องคุณสมบัติของนายจตุพรอย่างไร แต่ตอนนั้น เขาไม่ได้เข้าประชุม เพราะติดงานลูกเสือที่สนามศุภชลาศัย แต่ต่อมาทราบว่า ที่ประชุมได้พิจารณา และมีมติให้ฝ่ายกฎหมายหาข้อมูลมาพิจารณาหลังเลือกตั้ง และต่อมาภายหลังเลือกตั้งเมื่อวันที่ 5 ก.ค. นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ประสานงานเครือข่ายพลเมืองอาสาปกป้องแผ่นดิน ยื่นหนังสือเข้ามา ซึ่ง กกต. ก็ยังไม่ได้มีการพิจารณา แต่ได้มีสำเนาคำร้องให้กกต.รับทราบ
“ยืนยันว่า กกต.ยังไม่ได้พิจารณาเรื่องคุณสมบัตินายจตุพร ดังนั้น คงต้องรอการประชุมในวันที่ 12 ก.ค. ที่จะมีการพิจารณาก่อน” นายอภิชาต กล่าว
บทความนี้ถูกอ่านไปแล้ว 1182 ครั้ง